สมัยสุ่ย ถัง และยุค 5 ราชวงศ์ (ค.ศ.581-ค.ศ. 960)
หลังจากที่กษัตริย์สุ่ยเหวินได้ยกทัพไปปราบรัฐเฉิน อาณาจักรเป่ยโจว (ก่อนค.ศ.1066-ค.ศ. 256 อยู่ทางเหนือของจีน) จนล่มสลายสำเร็จ จึงได้ก่อตั้งราชวงศ์สุ่ยขึ้นมาในปี ค.ศ. 581 และสามารถรวมชาติจีนได้ในปี ค.ศ. 589
เกษตรกรรมและงานหัตถกรรม ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งในยุคนี้ ถึงแม้ว่ายุคสมัยดังกล่าวทุกอย่างแลดูดีขึ้น ทำศึกสงครามทุกครั้งก็ได้รับชัยชนะทุกครั้ง แต่ทว่าประชาชนกลับยากจนข้นแค้น ในที่สุดประชาชนจึงได้ก่อการปฏิวัติในปลายสมัยสุ่ย


มวยผมพันรอบ (คล้ายจาน)สมัยสุ่ย 盘桓积
และในปี ค.ศ. 618 หลี่เอวี้ยนจึงได้รวมประเทศอีกครั้งภายใต้ชื่อราชวงศ์ถัง ประวัติศาสตร์จีนได้กล่าวไว้ว่า สมัยถังเป็นยุคสมัยที่มีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงในทุก ๆ ด้านล้วนเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยถังได้เริ่มมีการติดต่อกับนานาประเทศถึงสามร้อยกว่าประเทศ ทำให้เกิดการพัฒนาและเกิดการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรม
รูปแบบทรงผมและเครื่องประดับในสมัยถังนั้นมีความสวยงามและมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก จากบันทึกกล่าวไว้ว่า “สุ่ยมีมวยผม 8 ชนิดที่สืบทอดต่อไปยังสมัยถัง ถังมีมวยญี่ปุ่น倭坠髻มวยเยือนเทพ 望仙髻 เป็นต้น” ซึ่งรูปแบบทรงผมมีการพัฒนาหลากหลายมากจนไม่สามารถกล่าวได้หมด จนเมื่อถึงปลายสมัยถัง สังคมเกิดความไม่สงบ การเมืองการปกครองล่มสลาย ประเทศจีน ตกอยู่ในสภาพที่แตกแยกออกเป็น 5 ราชวงศ์ 10 ประเทศ( 五代) ประกอบด้วย ราชวงศ์เหลียง ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์จิ้น ราชวงศฮั่น ราชวงศ์โจว
เนื่องจากรูปแบบทรงผมในสมัยถังมีความหลากหลายมากผู้เขียนจึงขอแนะนำโดยสังเขป ดังนี้
มวยตกหลังม้า (坠马髻) และมวยญี่ปุ่นตกหลัง (倭堕髻) : เป็นลักษณะมวยเอียงคล้ายกับคนกำลังตกลงมาและเป็นมวยแกละคล้ายหลังม้า มวยจะเกล้าแบบหลวม ๆ คล้ายกับว่ากำลังจะหล่นลงมา บ้างก็นิยมนำดอกกุหลาบมาประดับบริเวณมวย เป็นทรงผมที่นิยมกันเป็นอย่างมากในสมัยถัง และเป็นต้นแบบทรงผมที่ยุคสมัยต่อมานำไปดัดแปลงให้มีความสวยงามยิ่งขึ้น โดยมวยญี่ปุ่นตกหลังนิยมทำกันในพิธีแต่งงานหรือสตรีที่เพิ่งจะแต่งงาน

มวยผมหลังม้า (坠马髻)

มวยญี่ปุ่นตกหลัง(倭堕髻)

ทรงผมหญิงม่ายสมัยถัง
มวยญี่ปุ่น (倭坠髻) : มวยญี่ปุ่นได้เริ่มมีมาตั้งสมัยฮั่นทางตะวันออก ซึ่งในยุคนั้นนับว่าเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก โดยได้ดัดแปลงมาจากผมทรง มวยพันรอบ(盘桓积) หากสังเกตดี ๆ ผมทรงดังกล่าวคล้ายกับผมทรงญี่ปุ่นเนื่องจากสมัยฮั่น ก็คือประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นเอง บ้างก็กล่าวกันว่ามวยญี่ปุ่นคล้ายเสี้ยวพระจันทร์อยู่กลางกระหม่อม จวบกระทั้งสมัยถังก็ยังคงมีสตรีนิยมทำกันอยู่


มวยญี่ปุ่น (倭坠髻)
มวยแกละ( 双鬟髻) : มีมาตั้งแต่สมัยฉิน มวยแกละในสมัยถังยังคงนิยมทำกันในหมู่เด็กถึงวัยรุ่นของผู้คนทั่วไป และเป็นทรงผมของเด็กรับใช้ในราชสำนัก




รูปแบบของมวยแกละ



แกละทรง “มวยเยือนเทพ” (双环望仙髻)
มวยผม “ห่านฟ้าตระหนก” ( 惊鹄积 ) : มวยผมทรงนี้ลักษณะคล้ายกับห่านที่กำลังกระพือปีกอยู่ โดยมีมาตั้งแต่สมัยฮั่น ในยุคสามก๊ก ซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์สามก๊กพบว่ามวยผมทรงนี้นิยมทำกันในหมู่สตรีชาววัง กระทั้งสมัยถัง สตรีสามัญชนทั่วไปก็ได้นำมาทำและมีระบุว่าที่เมืองฉางอันนิยมผมทรงนี้กันเป็นอย่างมาก






รูปแบบมวยผม “ห่านฟ้าตระหนก” 惊鹄积
มวยผมแบบกระดูกสันหลัง (椎髻) : มีลักษณะมวยมัดเป็นท่อน ๆ คล้ายกระดูกสันหลัง นับว่าเป็นทรงผมที่เก่าแก่ของจีนทรงหนึ่ง ไล่มาตั้งแต่สมัยซางโจว สมัยฉินฮั่น สมัยสุ่ยถัง สมัยซ่ง สมัยเหวี่ยน สมัยหมิง สมัยชิง เป็นต้น เพียงแต่มีการจัดแต่งทรงผมที่มีลักษณะความสูง ต่ำ เอนซ้ายขวา ไปทางข้างหน้าหรือข้างหลัง ต่างกันแค่นั้น


มวยผมแบบกระดูกสันหลัง (椎髻)




มวยกระดูกสันหลังใหญ่ (蛮髻椎髻)

มวยผมทรงกระดูกสันหลังของหญิงที่แต่งงานแล้ว
มวยก้านเกล็ด (百合髻): มวยก้านเกล็ดมีมาตั้งแต่สมัยฉิน ลักษณะของมวยจะเป็นการวนไปวนมาคล้ายกับดอกไม้สมุนไพรจีนชนิดหนึ่งชื่อว่า ก้านเกล็ด


มวยก้านเกล็ด (百合髻)
มวยผมทรงก้นหอย ( 螺髻) : เป็นทรงผมที่หญิงสาวในราชสำนักรวมถึงหญิงสาวสามัญชนทั่วไปในสมัยถังนิยมทำกัน และนิยมเรื่อยมาถึงสมัยซ่ง และหมิง รูปแบบผมทรงนี้จะเป็นลักษณะคล้ายลายก้นหอย ถูกค้นพบในภาพวาด รูปปั่นแกะสลักและสุสานสมัยถัง ตามบันทึกกล่าวไว้ว่า สตรีในสมัยถังชอบที่จะไว้ผมยาวแล้วเกล้าผมสูง ที่เรียกกันว่าผม “ทรงก้นหอย” (螺髻) ซึ่งที่เมืองฉางอันได้รับความนิยมอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง การเกล้าผมทรงนี้จะเป็นลักษณะรูปแบบค่อย ๆ ขดวนผมให้เป็นชั้น ๆ ขึ้นไป หรือใช้ลวดเหล็กในการช่วยมวยผมให้เป็นรูปทรง หลังจากนั้นใช้มือในการถัก พัน ขดให้เป็นลักษณะคล้ายลายก้นหอย แล้วจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งบนยอดศรีษะ หรือแบ่งออกเป็น 2 ข้าง ไม่ก็ให้ยื่นออกมาเลยหน้าผาก ซึ่งสามารถออกแบบลักษณะได้ตามใจชอบ



มวยผมทรงก้นหอย ( 螺髻)

มวยทรงก้นหอยประดับด้วยปิ่นระย้า
รูปแบบการเกล้ามวยสูง(高髻) :เป็นทรงผมที่นิยมกันเป็นอย่างมากในสมัยถัง และมีการพัฒนารูปแบบให้มีความหลากหลาย มีตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงมีเครื่องประดับตกแต่ง บริเวณหน้าผากนิยมเสริมความงามโดยติดปีกแมลงเม่า ไข่มุก กลีบดอกไม้ เป็นต้น และนิยมเขียนคิ้วเชิดขึ้น หรือเขียนให้เป็นลักษณะเลขแปดจีน (八)





รูปแบบการเกล้ามวยสูง แบบเรียบง่าย




รูปแบบมวยสูงโดยใช้หวีสับ


มวยสูงสวมหมวกลายหงส์และเครื่องประดับปิ่นตุ้งติ้งทำจากหยกและไข่มุขของเจ้าจอมหรือนางสนมเอกสมัยถัง

มวยสูงของสตรีที่แต่งงานแล้วประดับด้วยมงกุฎดอกไม้

มวยสูงประดับด้วยมงกุฎดอกไม้และปีกแมลงเม่าของนางสนม
มวยผมห่อและพันด้วยผ้าดิ้นสีสันต่าง ๆ ของนางสนมในวัง
ทรงไหมย้อย (垂练髻) : เป็นลักษณะแกละเตี้ย มัดผูกไล่มาเป็นข้อ ๆ หรือข้อเดียวแล้วแต่ความชอบของหญิงในสมัยนั้น นิยมทำกันในหมู่เด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 12 – 18ปีในสมัยถัง




ทรงไหมย้อย垂练髻
ทรงผมสมัยยุค 5 ราชวงศ์ (ราชวงศ์เหลียง ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์จิ้น ราชวงศฮั่น และราชวงศ์โจว) เมื่อสมัยถังล่มสลายเกิดการแตกแยกกลายเป็นอาณาจักรย่อย ๆ 5 อาณาจักร 5 ราชวงศ์ ทรงผมจึงได้รับการสืบทอดและพัฒนาต่อเนื่องมาจากสมัยสุ่ยและสมัยถัง โดยทรงผมข้างล่างนี้ เป็นทรงผมที่มีการดัดแปลงขึ้นมาในยุค 5 ราชวงศ์

มวยสูงของสตรีที่แต่งงานแล้ว


มวยสูงของสตรีทั่วไป

มวยสูงปักด้วยปิ่นดอกไม้

มวยสูงที่ประดับด้วยปิ่นและมงกุฏดอกไม้


มวยสูงที่ประดับด้วยหวีสับ ปิ่นดอกไม้บริเวณหน้าผากวาดเป็นลายดอกไม้

มวยสูงประดับด้วยหวีสับและปิ่นทรงนี้นิยมทำกันในสมัยถังและสมัย 5 ราชวงศ์

มวยเตี้ยประดับด้วยดอกไม้ของสตรีทั่วไป
จากที่กล่าวมาทั้งหมด สมัยราชวงศ์สุ่ยเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก สมัย 5 ราชวงศ์ ก็เป็นยุคที่ไม่มีอะไรเป็นหลัก ดังนั้นหากกล่าวถึงทางด้านวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายหรือทรงผมจึงนำทั้ง 2 ยุคนี้มากล่าวรวมกันในยุคสมัยถัง
จิรวรรณ จิรันธร
อ้างอิงจาก http://www.i-art.cn