第二十九课 : 我都做对了。บทที่ 29 : ฉันทำถูกทั้งหมดเลย VIDEO VIDEO VIDEO
第二十九课 : 我都做对了。
บทที่ 29 : ฉันทำถูกทั้งหมดเลย
อัพเดทล่าสุดวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559 www.jiewfudao.com
明天我有 考试 。
míngtiān wǒ yǒu kǎoshì .
พรุ่งนี้ฉันมี สอบ
你今天 考 得怎么样?
nǐ jīntiān kǎo de zěnme yàng?
วันนี้เธอ สอบ ได้เป็นอย่างไรบ้าง
晚上九点半我才开始做 作业 。
wǎnshàng jiǔ diǎn bàn wǒ cái kāishǐ zuò zuòyè.
3 ทุ่มครึ่ง ฉันเพิ่งจะเริ่มทำ การบ้าน
这次考试他又 没 考 好 。
zhè cì kǎoshì tā yòu méi kǎo hǎo .
การสอบครั้งนี้ เขา สอบ ได้ไม่ดี อีกล่ะ
自己 没有做好 ,别想教我!
zìjǐ méi yǒu zuò hǎo ,
bié xiǎng jiāo wǒ!
ตัวเอง ทำได้ไม่ดี อย่าคิดสอนฉัน !
1. หมด , 2. เสร็จ(หมด) 3. จบ
你要的书已经卖 完 了。
nǐ yào de shū yǐjīng mài wán le.
หนังสือที่เธอต้องการขาย หมด แล้ว
太大碗了!我吃不 完 !
tài dà wǎn le! wǒ chī bù wán !
ชามใหญ่เกินไป ฉันกินไม่ หมด
你的作业做 完 了吗?
nǐ de zuòyè zuò wán le ma?
การบ้านของเธอทำ เสร็จ แล้วรึยัง
今天我考 完 (试)了。
jīntiān wǒ kǎo wán (shì) le.
วันนี้ฉันสอบ เสร็จ แล้ว
我没有做 完 。你做 完 了没有?
wǒ méi yǒu zuò wán.
nǐ zuò wán le méi yǒu?
ฉันทำไม่ เสร็จ เธอทำ เสร็จหมด เลยรึเปล่า
这本书还没看 完 呢 。
zhè běn shū hái méi kàn wán ne.
หนังสือเล่มนี้ยังอ่านไม่ จบ เลย
1. หัวข้อ(คำถาม) , 2. คำถาม
这次没考好。 题 太多了,我没有做完。
zhè cì méi kǎo hǎo. tí duō le,
wǒ méiyǒu zuò wán.
ครั้งนี้สอบได้ไม่ดี
หัวข้อ เยอะเหลือเกิน ฉันทำไม่เสร็จ
语法 题 不太难,我觉得都做对了。
yǔfǎ tí bú tài nán,
wǒ juéde dōu zuò duì le.
หัวข้อ ไวยากรณ์ไม่ค่อยยาก
ฉันรู้สึกว่าทำถูกทั้งหมดเลย
这 道题 我也不会做。
zhè dào tí wǒ yě bú huì zuò.
คำถามข้อ นี้ฉันก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน
这两 道题 怎么做?
zhè liǎng dào tí zěnme zuò?
คำถาม 2 ข้อ นี้ทำยังไง
我做错了两 道题 。
wǒ zuò cuò le liǎng dào tí
ฉันทำ คำถาม ผิดไป 2 ข้อ
หมายเหตุ : 这两 道题 。 มีความหมายเดียวกันกับ 这两 道问题 。
1. ไม่...มาก 2. ไม่ …. เกินไป 3. ไม่ … เท่าไหร่
1( จะ) …. มากรึเปล่า ,( จะ) …. มากไหม
2( จะ)..เกินไปรึเปล่า ,( จะ)..เกินไปไหม
银行离这儿 会不会太 远 ?
yínháng lí zhèr huì bú huì tài yuǎn?
ธนาคารอยู่ห่างจากที่นี้ไกล มากรึเปล่า
ธนาคารอยู่ห่างจากที่นี้ไกล มากไหม
银行离这儿 不会太 远。
yínháng lí zhèr bú huì tài yuǎn.
ธนาคารอยู่ห่างจากที่นี้ ไม่ ไกล มาก
ธนาคารอยู่ห่างจากที่นี้ ไม่ ไกล เท่าไหร่
现在运动 会不会太 晚 ?
xiànzài yùndòng huì bú huì tài wǎn?
ออกกำลังกายตอนนี้ จะ สาย เกินไปรึเปล่า
ออกกำลังกายตอนนี้ จะ สาย เกินไปไหม
现在运动 不会太 晚。
xiànzài yùndòng bú huì tài wǎn.
ออกกำลังกายตอนนี้ ไม่ สาย เกินไป
1. ผลสอบ 2. ผล(การศึกษาหรือการทำงาน)
ทรานสคริป , ใบแสดงรายวิชาและผลการเรียน
每道题我都做完了,但是没都做对,做错了两道题,所以 成绩 不会太好。
měi dào tí wǒ dōu zuò wán le, dànshì méi dōu zuò duì,
zuò cuò le liǎng dào tí , suǒyǐ chéngjì bú huì tài hǎo.
คำถามทุกข้อฉันทำเสร็จทั้งหมดเลย แต่ไม่ได้ทำถูกทั้งหมด
ทำคำถามผิดไป 2 ข้อ ดังนั้น ผลสอบ ไม่่ดีเท่าไหร่
听力比较难 , 很多 句子 我没听懂。
tīng lì bǐjiào nán, hěn duō jùzi wǒ méi tīng dǒng.
การฟังค่อนข้างยาก หลาย ประโยค ฉันฟังไม่เข้าใจ
你找词典 干什么 ?
nǐ zhǎo cídiǎn gàn shénme ?
เธอหาพจนานุกรม ทำไม
你想要 干什么 ?
nǐ xiǎng yào gàn shénme ?
เธอคิดจะ ทำอะไร
ตัวอย่าง แปลว่า “ มองเห็น ”
我没 看见 你的词典。
wǒ méi kàn jiàn nǐ de cídiǎn.
ฉันไม่ เห็น พจนานุกรมของเธอ
你 看见 那个星星吗?
nǐ kànjiàn nà gè xīngxīng ma?
เธอ มองเห็น ดวงดาวดวงนั้นไหม
1. เจอ 2.( ตา)เห็น 3.( หู) ได้ยิน
ตัวอย่าง แปลว่า “( ตา)เห็น ” “( หู) ได้ยิน ”
我不想 见 他。
wǒ bù xiǎng jiàn tā.
ฉันไม่อยาก เจอ เขา
他又看不 见 ,又听不 见 。
tā yòu kàn bú jiàn , yòu tīng bú jiàn .
เขา ทั้งมองไม่ เห็น ทั้งฟังไม่ได้ ยิน
我查一个 词 ,看看写对了没有。
wǒ chá yí gè cí , kàn kàn xiě duì le méiyǒu.
ฉันหา คำศัพท์ คำหนึ่ง ลองดูว่าเขียนถูกต้องแล้วรึยัง
糟糕 ! 他看见我了!
zāogāo ! tā kànjiàn wǒ le!
แย่ล่ะ ! เขา เห็นฉันแล้ว / ซวยล่ะ ! เขา เห็นฉันแล้ว
我没有那么 糟糕 。
wǒ méiyǒu nàme zāogāo.
ฉันไม่ได้ ซวย ขนาดนั้น
中文翻译 成 英文。
zhōngwén fānyì chéng yīngwén.
ภาษาจีนแปล เป็น ภาษาอังกฤษ
糟糕,写错了,是这个“得” , 我写 成 这个“的”了。
…zāogāo, xiě cuò le, shì zhè gè “de”,
wǒ xiě chéng zhè gè “de” le.
… แย่ล่ะ เขียนผิดแล้ว เป็น “ 得 ” คำนี้ ฉันเขียน เป็น “ 的 ” คำนี้ไปแล้ว
明天 还得 去考试。 míngtiān hái děi qù kǎoshì. พรุ่งนี้ ยังต้อง ไปสอบ อีก
我的衣服还没有洗完呢 , 还得给我妹妹 回信 。
wǒ de yīfu hái méiyǒu xǐ wán ne, hái děi gěi wǒ mèimei huí xìn.
เสื้อผ้าของฉันยังซักไม่เสร็จเลย ยังต้อง ตอบจดหมาย หาน้องสาวฉันอีก
1. น่าสนใจ , 2. สนุก ,3. แอบชอบ..อยู่
ตัวอย่าง แปลว่า “ น่าสนใจ ”
这个地方很 有意思 。
zhè gè dìfang
hěn yǒu yìsi .
สถานที่แห่งนี้ น่าสนใจ มาก
这是一个很 有意思 的游戏。
zhè shì yí gè hěn yǒu yìsi de yóuxì.
นี้เป็นเกมที่ สนุก มากเกมหนึ่ง
我对他 有意思 。
wǒ duì tā yǒu yìsi.
ฉัน แอบชอบ เขา อยู่
1. นิทาน , 2. เรื่องราว(ที่มีข้อคิด)
ตัวอย่าง 故事 แปลว่า “ นิทาน ”
ตัวอย่าง 故事 แปลว่า “ เรื่องราว ”
我的孩子不喜欢听 故事 。
wǒ de háizi bù xǐhuān tīng gùshi.
ลูกของฉันไม่ชอบฟัง นิทาน
每个人都有自己的 故事 。
měi gè rén dōu yǒu zìjǐ de gùshi .
ทุก ๆ คนล้วนมี เรื่องราว ของตัวเอง
田芳借给她了一本书,书里都是 小故事 ,很有意思。
Tiánfāng jiè gěi tā le yì běn shū, shūlǐ dōu shì xiǎo gù shi , hěn yǒu yìsi.
1. เถียนฟางให้ เขา ยืมหนังสือไป 1 เล่ม ในหนังสือล้วนเป็น นิทานเรื่องสั้น สนุกมาก
2. เถียนฟางให้ยืมหนังสือแก่ เขา ไป 1 เล่ม ในหนังสือล้วนเป็น นิทานเรื่องสั้น สนุกมาก
หมายเหตุ: แปลแบบที่ 1 คือกรณีแปล 借 = ยืม
แปลแบบที่ 2 คือกรณีแปล 借 = ให้ยืม แล้วแปล 给 = แก่
คำลักษณะนามของจำนวนหน้าหนังสือ
这本书一共有三百 页 。
zhè běn shū yí gòng
yǒu sān bǎi yè.
หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 300 หน้า
这本书还没看完呢,才看到三十 页 。
zhè běn shū hái méi kàn wán ne,
cái kàn dào sān shí yè .
หนังสือเล่มนี้ยังอ่านไม่จบเลย เพิ่งจะอ่านไป30 หน้า
你想 笑 就 笑 吧。 nǐ xiǎng xiào jiù xiào ba. เธออยาก หัวเราะ ก็ หัวเราะ เถอะ
( คำนาม)บทสนทนา , ( คำกริยา) สนทนา
ตัวอย่าง แปลว่า “ บทสนทนา ”
你先看这个 会话 。
nǐ xiān kàn zhè gè huì huà .
เธอดู บทสนทนา บทนี้ก่อน
咱们可以用这些故事练习 会话 。
zánmen kěyǐ yòng
zhèxiē gùshi liànxí huìhuà .
พวกเราสามารถใช้นิทานเหล่านี้ฝึก สนทนา ได้
1. อ่าน(หนังสือ) 2. เรียน(หนังสือ)
我 念 了一个故事。
wǒ niàn le yí gè gùshi.
ฉัน อ่าน นิทานไป(แล้ว) 1 เรื่อง
我在北京大学 念 书。
wǒ zài Běijīng dàxué niàn shū.
ฉัน เรียน หนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
我问你几个问题 , 看你能不能 答对 。
wǒ wèn nǐ jǐ gè wèntí, kàn nǐ néng bù néng dáduì.
ฉันถามเธอ(ด้วย)คำถาม 2-3 ข้อ ดูว่าเธอสามารถ ตอบถูก รึเปล่า
ฉันถามคำถามเธอ 2-3 ข้อ ดูว่าเธอสามารถ ตอบถูก รึเปล่า
她问了五个问题,我 答对 了四个, 答错 了一个。
tā wèn le wǔ gè wèntí, wǒ dá duì le sì gè, dá cuò le yí gè.
เขา ถามคำถามมา 5 ข้อ ฉัน ตอบถูก ไป 4 ข้อ ตอบผิด ไป 1 ข้อ
这是个 好办法 。 zhè shì gè hǎo bànfǎ . นี้เป็น วิธีที่ดี วิธีหนึ่ง
1. ไม่มีวิธีไหน 2. จนปัญญา 3. หมดทางสู้ 4. ไม่มีทาง...(ได้) 5. .. ไม่ได้
ตัวอย่าง แปลว่า “ ไม่มีวิธีไหน ”
ตัวอย่าง แปลว่า “ จนปัญญา ”
他不听我说,那就 没办法 了。
tā bù tīng wǒ shuō,
nà jiù méi bànfǎ le.
เขา ไม่ฟังฉันพูด งั้นก็ ไม่มีวิธีไหน ล่ะ
你要这么想,我也 没办法 。
nǐ yào zhème xiǎng ,
wǒ yě méi bànfǎ .
เธอจะคิดขนาดนี้ ฉันก็ จนปัญญา เหมือนกัน
ตัวอย่าง แปลว่า “ หมดทางสู้ ”
ตัวอย่าง แปลว่า “ ไม่มีทาง..(ได้) ”
认输吧,你 没办法 了。
rènshū ba, nǐ méi bànfǎ le.
ยอมแพ้เถอะ เธอ หมดทางสู้ ล่ะ
我 没办法 忘记你。
wǒ méi bànfǎ wàngjì nǐ.
ฉัน ไม่มีทาง ลืมเธอ ได้
ตัวอย่าง แปลว่า “ .... ไม่ได้ ”
那么多人看我 , 我 没办法 工作。
nà me duō rén kàn wǒ, wǒ méi bànfǎ gōngzuò.
คนเยอะขนาดนั้นมองฉัน ฉันทำงาน ไม่ได้
她念了一个故事 , 合上 书 , 问我听懂了没有。
tā niàn le yí gè gùshi, hé shàng shū, wèn wǒ tīng dǒng le méiyǒu.
เขา อ่านนิทานไป 1 เรื่อง ปิด หนังสือ ถามฉันฟังเข้าใจแล้วรึยัง
他 打开 书 , 又念了一遍 , 我才听懂。
tā dǎkāi shū,yòu niàn le yí biàn, wǒ cái tīng dǒng.
เขา เปิด หนังสือ อ่านอีก 1 รอบ ฉันถึงจะฟังเข้าใจ
1. ชำนาญ ; คล่อง 2. สุก 3. คุ้น ; คุ้นเคย 4. ถนัด
ตัวอย่าง แปลว่า “ ชำนาญ ; คล่อง ”
今天的作业还没有做完呢 , 课文也读得不太 熟 。
jīntiān de zuòyè hái méiyǒu zuò wán ne,kèwén yě dú de bú tài shú .
การบ้านของวันนี้ยังทำไม่เสร็จเลย บทเรียนก็อ่าน(ได้)ไม่ค่อย คล่อง
这个榴莲 熟 了吗?
zhè gè liúlián shú le ma?
ทุเรียนลูกนี้ สุก แล้วรึยัง
吃不 熟 的猪肉会怎么样?
chī bù shú de zhūròu huì zěnme yàng?
กินเนื้อหมูที่ไม่ สุก จะเป็นอย่างไร
ตัวอย่าง แปลว่า “คุ้น; คุ้นเคย”
我对这个地方不 熟 。
wǒ duì zhègè dìfang bù shú .
ฉันไม่ คุ้นเคย กับสถานที่แห่งนี้
你让别人做吧 , 我真的不 熟 。
nǐ ràng bié rén zuò ba, wǒ zhēnde bù shú .
เธอให้คนอื่นทำเถอะ ฉันไม่ ถนัด จริง ๆ
看完电影 再 做吧。 kàn wán diànyǐng zài zuò ba. ดูหนังจบ ค่อย ทำล่ะกัน
(1) 我都做对了。 wǒ dōu zuò duì le. ฉันทำถูกทั้งหมดเลย
( 考试以后 kǎoshì yǐhòu หลังจากสอบ)
玛丽: 你今天考得怎么样?
nǐ jīntiān kǎo de zěnme yàng?
วันนี้เธอสอบได้เป็นอย่างไรบ้าง
罗兰 : 这次没考好。题太多了 , 我没有做完。你做完了没有?
zhè cì méi kǎo hǎo. tí tài duō le,wǒ méi yǒu zuò wán. nǐ zuò wán le
méi yǒu?
ครั้งนี้สอบได้ไม่ดี หัวข้อเยอะเหลือเกิน ฉันทำไม่เสร็จ เธอทำเสร็จหมดเลยรึเปล่า
玛丽 : 我都做完了 , 但是没都做对 , 做错了两道题 , 所以成绩不会太好。
wǒ dōu zuò wán le, dànshì méi dōu zuò duì,zuò cuò le liǎng dào tí,
suǒyǐ chéngjì bú huì tài hǎo.
ฉันทำเสร็จทั้งหมดเลย แต่ว่าไม่ได้ทำถูกทั้งหมด ทำคำถามผิดไป 2 ข้อ
ดังนั้นผลสอบไม่ดีเท่าไหร่
罗兰 : 语法题不太难 , 我觉得都做对了。听力比较难 , 很多句子我没听懂。
yǔfǎ tí bú tài nán,wǒ juéde dōu zuò duì le. tīng lì bǐjiào nán, hěn duō
jùzi wǒ méi tīng dǒng.
หัวข้อไวยากรณ์ไม่ค่อยยาก ฉันรู้สึกว่าทำถูกทั้งหมดเลย การฟังค่อนข้างยาก
หลายประโยคฉันฟังไม่เข้าใจ
玛丽 : 我也不知道做对了没有。 我的词典呢?
wǒ yě bù zhīdào zuò duì le méiyǒu. wǒ de cídiǎn ne?
ฉันก็ไม่รู้ว่าทำถูกต้องแล้วรึเปล่าเหมือนกัน พจนานุกรมของฉันล่ะ ?
罗兰 : 我没看见你的词典 , 你找词典干什么?
wǒ méi kàn jiàn nǐ de cídiǎn, nǐ zhǎo cídiǎn gàn shénme?
ฉันไม่เห็นพจนานุกรมของเธอ เธอหาพจนานุกรมทำไม
玛丽 : 我查一个词 , 看看写对了没有。 .... 糟糕 , 写错了 , 是这个 “ 得 ”,
我写成这个 “ 的 ” 了。
wǒ chá yí gè cí, kàn kàn xiě duì le méiyǒu. …zāogāo, xiě cuò le,
shì zhè gè “de”, wǒ xiě chéng zhè gè “de” le.
ฉันหาคำศัพท์คำหนึ่ง ลองดูว่าเขียนถูกต้องแล้วรึยัง … แย่ล่ะ เขียนผิดแล้ว
เป็น “ 得 ” คำนี้ ฉันเขียนเป็น “ 的 ” คำนี้ไปแล้ว
罗兰 : 别查了 , 休息休息吧。快打开电脑 , 看看你买的电影光盘吧。
bié chá le, xiūxi xiūxi ba. kuài dǎ kāi diànnǎo,kànkàn nǐ mǎi de
diànyǐng guāngpán ba.
อย่าหาเลย พักผ่อนเถอะ รีบเปิดคอมพิวเตอร์ ดูซีดีหนังที่เธอซื้อมาเถอะ
玛丽 : 我的衣服还没有洗完呢 , 还得给我妹妹回信。
wǒ de yīfú hái méiyǒu xǐ wán ne, hái děi gěi wǒ meìmei huí xìn.
เสื้อผ้าของฉันยังซักไม่เสร็จเลย ยังต้องตอบจดหมายหาน้องสาวฉันอีก
罗兰 : 看完电影再洗吧。
kàn wán diànyǐng zài xǐ ba.
ดูหนังจบค่อยซักล่ะกัน
( 二 ) 看完电影再做作业 。
kàn wán diànyǐng zài zuò zuòyè.
ดูหนังจบค่อยทำการบ้าน
吃完晚饭 , 我和玛丽回到宿舍。玛丽说 , 田芳借给她了一本书 , 书里都是小故事 , 很有意思。我问她 , 你看完了没有。她说 , 还没看完呢 , 才看到三十页。
我问玛丽 :“ 都看懂了吗? ”
她回答 :“ 有的看懂了 , 有的没看懂。 ”
“ 可以让我看看吗? ”
“ 当然可以 ”
我看了两个故事 , 也觉得很有意思。看到有意思的地方 , 就想笑。我对玛丽说 :“ 咱们可以用这些故事练习会话。 ”
玛丽说 :“ 怎么练习? ”
“ 我念完一个故事 , 问你几个问题 , 看你能不能答对 ; 你念完一个故事 , 也问我几个问题 , 看我能不能答对。 ”
玛丽说 :“ 这是个好办法。 ”
我念了一个故事 , 玛丽听懂了。问了她五个问题 , 她都答对了。
她念了一个故事 , 合上书 , 问我听懂了没有。我说有的地方没听懂 , 她打开书 , 又念了一遍 , 我才听懂。她也问了五个问题 , 我答对了四个 , 答错了一个。
我们还没有练习完 , 就听见安娜在门外叫我们。我开开门问她 :“ 什么事? ”
“ 晚上礼堂有电影 , 你们看吗? ”
“ 什么电影? ”
“ 是个新电影 , 我不知道叫什么名字。田芳说这个电影非常好。 ”
“ 想看。但是我今天的作业还没有做完呢 , 课文也读得不太熟。 ”
安娜说 :“ 我也没做完呢 , 看完电影再做吧。 ”
说完 , 我们三个就去礼堂看电影了。我们看到九点才看完。九点半我才开始做作业。做完作业已经十点半了。
chī wán wǎn fàn, wǒ hé Mǎlì huí dào sùshè. Mǎlì shuō, Tiánfāng jiè gěi tā le yì běn shū, shūlǐ dōu shì xiǎo gù shi, hěn yǒu yìsi. wǒ wèn tā,nǐ kàn wán le méiyǒu. tā shuō ,hái méi kàn wán ne, cái kàn dào sān shí yè.
wǒ wèn Mǎlì: “dōu kàn dǒng le ma?”
tā huí dá: “yǒu de kàn dǒng le, yǒu de méi kàn dǒng.”
“kěyǐ ràng wǒ kàn kàn ma?”
“dāng rán kěyǐ”
wǒ kàn le liǎng gè gù shi,yě jué de hěn yǒu yìsi .kàn dào yǒu yì si de dìfang,jiù xiǎng xiào. wǒ duì Mǎlì shuō: “zánmen kěyǐ yòng zhèxiē gùshì liànxí huì huà.”
Mǎlì shuō: “zěnme liànxí?”
“wǒ niàn wán yí gè gùshì,wèn nǐ jǐ gè wèn tí,kàn nǐ néng bù néng dáduì; nǐ niàn wán yí gè gùshì ,yě wèn wǒ jǐ gè wèn tí, kàn wǒ néng bù néng dáduì.”
Mǎlì shuō: “zhè shì gè hǎo bànfǎ”
wǒ niàn le yí gè gùshì, Mǎlì tīng dǒng le.wèn le tā wǔ gè wèn tí,tā dōu dáduì le.
tā niàn le yí gè gùshì,hé shàng shū,wèn wǒ tīng dǒng le méi yǒu. wǒ shuō yǒu de dìfang méi tīng dǒng, tā dǎ kāi shū,yòu niàn le yí biàn,wǒ cái tīng dǒng.tā yě wèn le wǔ gè wèn tí,wǒ dá duì le sì gè,dá cuò le yí gè.
wǒmen hái méi yǒu liànxí wán,jiù tīng jiàn Ā n nà zài mén wài jiào wǒmen .wǒ kāi kāi mén wèn tā: “shénme shì?”
“wǎnshàng lǐtáng yǒu diànyǐng, nǐmen kàn ma?”
“shénme diànyǐng?”
“shì gè xīn diànyǐng, wǒ bù zhīdào jiào shénme míngzi. Tiánfāng shuō zhè gè diànyǐng fēicháng hǎo.”
“xiǎng kàn. dànshì wǒ jīntiān de zuòyè hái méiyǒu zuò wán ne, kèwén yě dú de bú tài shú.”
Ā n nà shuō: “ wǒ yě méi zuò wán ne, kàn wán diànyǐng zài zuò ba.”
shuō wán , wǒmen sāngè jiù qù lǐtáng kàn diànyǐng le.wǒmen kàn dào jiǔ diǎn cái kàn wán.jiǔ diǎn bàn wǒ cái kāi shǐ zuò zuò yè.zuò wán zuò yè yǐjīng shí diǎn bàn le.
กินข้าวเย็นเสร็จ ฉันกับแมรี่กลับถึงหอพัก แมรี่พูดว่า เถียนฟางให้ เขา ยืมหนังสือไป 1 เล่ม ในหนังสือล้วนเป็นนิทานเรื่องสั้น สนุกมาก ฉันถาม เขา ว่า เธออ่านจบแล้วรึยัง เขา พูดว่า ยังอ่านไม่จบเลย เพิ่งจะอ่านไป 30 หน้า
ฉันถามแมรี่ : “ อ่านเข้าใจหมดแล้วหรอ ”
เขา ตอบ: “ อ่านเข้าใจบ้าง อ่านไม่เข้าใจบ้าง ”
“ ให้ฉันลองอ่านได้ไหม ”
“ ได้แน่นอน ”
ฉันอ่านนิทานไปแล้วสอง เรื่อง ก็รู้สึกสนุกมากเหมือนกัน อ่านเจอตรงที่สนุก ก็อยากหัวเราะ ฉันพูดกับแมรี่ว่า : “ พวกเราสามารถใช้นิทานเหล่านี้ฝึกสนทนาได้ ”
แมรี่พูดว่า : “ ฝึกยังไง ?”
“ ฉันอ่านนิทานเรื่องหนึ่งจบ ถามคำถามเธอ 2-3 ข้อ ดูว่าเธอสามารถตอบถูก รึเปล่า เธออ่านนิทานเรื่องหนึ่งจบ ก็ถามคำถามฉัน 2-3 ข้อ ดูว่าฉันสามารถตอบถูกรึเปล่า ”
แมรี่พูดว่า: “ นี้เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ”
ฉันอ่านนิทานไป 1 เรื่อง แมรี่ฟังเข้าใจแล้ว ถาม เขา ไป(ด้วย)คำถาม 5 ข้อ เขา ตอบถูกต้องทั้งหมดเลย
เขา อ่านนิทานมา 1 เรื่อง ปิดหนังสือ ถามฉันว่าฟังเข้าใจแล้วรึยัง ฉันพูดว่าบางจุด ฟังไม่เข้าใจ เขา เปิดหนังสือ อ่านอีก 1 รอบ ฉันถึงฟังเข้าใจ เขา ก็ถามคำถามมา 5 ข้อ ฉันตอบถูก ไป 4 ข้อ ตอบผิดไป 1 ข้อ
พวกเรายังฝึกไม่เสร็จ ก็ได้ยินแอนนาเรียกพวกเราอยู่ที่นอกประตู ฉันเปิดประตูถาม เขา ว่า “ เรื่องอะไร ”
“ ตอนเย็นหอประชุมมี(ฉาย)หนัง พวกเธอดูไหม ”
“ หนังอะไร ”
“ เป็นหนังเรื่องใหม่เรื่องหนึ่ง ฉันไม่รู้ชื่อเรื่องอะไร เถียนฟางพูดว่าหนังเรื่องนี้ดีมาก. ”
“ อยากดู แต่ว่าการบ้านของวันนี้ฉันยังทำไม่เสร็จเลย บทเรียนก็อ่านได้ไม่ค่อยคล่อง. ”
แอนนาพูดว่า : “ ฉันก็ทำไม่เสร็จเหมือนกันเลย , ดูหนังจบค่อยทำล่ะกัน ”
พูดจบ , พวกเราสามคนก็ไปหอประชุมดูหนังเลย พวกเราดูถึงสามทุ่มถึงดูจบ สามทุ่มครึ่งฉันถึงจะเริ่มทำการบ้าน ทำการบ้านเสร็จ 4 ทุ่มครึ่งซ่ะแล้ว
注释 zhùshì คำอธิบายเพิ่มเติม
一、 ความแตกต่างระหว่าง 干 กับ 做
2 คำนี้ความหมายเหมือนกันแปลว่า “ ทำ ” แตกต่างกันตรงที่ ..
เป็นภาษาพูด ทำหน้าที่เป็นคำกริยา มีความเป็นกันเองในขณะที่พูด ใช้กับคนสนิทคุ้นเคย คนรุ่นเดียวกันหรือเด็กกว่า
เป็นได้ทั้งภาษาพูดและภาษาหนังสือ(ภาษาเขียน) ทำหน้าที่เป็น คำกริยา ขอบเขตในการใช้ค่อนข้างกว้างกว่า 干 มาก เหมาะกับการ ใช้ใน ทุกสถานการณ์ เป็นคำสุภาพ
二、 ความแตกต่างระหว่าง 念书、读书、看书
ทั้ง 3 คำนี้ ก่อนอื่นขอแบ่งหัวข้อในการแปล เป็น 2 ความหมาย ได้แก่ แปลว่า “ อ่านหนังสือ ” และ แปลว่า “ เรียนหนังสือ ”
ทั้งนี้ในคำศัพท์ภาษาจีนที่แปลว่า “ เรียนหนังสือ ” ยังมีอีก 1 คำ คือ 上学 เพื่อเพิ่ม ความเข้าใจ จึงนำ 上学 คำนี้มาลงเปรียบเทียบในตาราง ข้างล่างนี้ด้วย
กรณีแปลว่า “ อ่านหนังสือ ”
แตกต่างโดยนัยยะ ดังนี้
กรณีแปลว่า “ เรียนหนังสือ ”
อ่านโดยใช้สายตา ไม่ออกเสียง อ่านในใจ โดยมากจะเป็นการอ่าน เชิงบันเทิง นวนิยาย การ์ตูน นิตยสาร เป็นต้น
อ่านออกเสียงแบบตั้งใจอ่าน อ่านด้วยใจ , ท่องหนังสือ
หนังสือที่อ่านจะเป็นตำราเรียน
“ เรียนหนังสือ ” ในสถาบันการศึกษา
念书、读书、上学 สามารถใช้แทนกันได้ ตัวอย่าง
1 你在那里 读书 吗?
2 你在那里 上学 吗?
3 你在那里 念书 吗?
ทั้ง 3 คำ ล้วนแปลว่า “ เธอเรียนหนังสืออยู่ที่นั้นรึเปล่า ”
อ่านออกเสียงทั่วไป ปัจจุบันมีนัยยะ รวมถึงการไม่อ่านออกเสียงด้วย หนังสือที่ใช้อ่าน สามารถ รวมถึงหนังสือลักษณะ Ebook หรือหนังสืออ่านนอกเวลาทั่วไปก็ได้
1. กรณีแปลว่า “ อ่านหนังสือ ” ที่เป็นหนังสือเรียน คำว่า 读书 ใช้บ่อยกว่าคำว่า “ 念书 ”
2. สามารถอ่านเรื่องความแตกต่างระหว่าง 读书 และ 看书 เพิ่มเติมในบทที่ 25
( 一 ) 动作结果的表达 ; 结果补语 : การแสดงผลลัพภ์ของการกระทำ : คำเสริมประเภทบอกผล
คำกริยา “ 完、懂、见、开、上、到、给、成 ” และคำคุณศัพท์ “ 好、对、错、熟、早、晚 ” เป็นต้น สามารถวางไว้หลังคำกริยาเพื่อทำหน้าที่เป็นคำเสริมบอกผลของการกระทำ
โครงสร้าง : กริยา + คำกริยา/ คำคุณศัพท์ + ( 了 )
(1) 我听 懂 了老师的话。
(2) 我看 见 玛丽了。她在操场打太极拳呢。
wǒ kàn jiàn Mǎlì le. tā zài cāochǎng dǎ tài jí quán ne.
ฉันเห็นแมรี่แล้ว เขา รำไท้เก็กอยู่ที่สนามกีฬา น่ะ
(3) 今天的作业我做 完 了。
今天的作业我 jīntiān de zuòyè wǒ
(4) 我答 错 了两道题。
โครงสร้างปฏิเสธ : 没 ( 有 ) + คำกริยา + คำเสริมประเภทบอกผลหลังคำเสริมของประโยคปฏิเสธจะต้องตัดคำ “ 了 ” ทิ้ง
这课课文我 没有看懂 。
zhè kè kèwén wǒ méiyǒu kàn dǒng .
บทเรียนบทนี้ฉัน อ่านไม่เข้าใจ
这件衣服 没洗干净 。
zhè jiàn yīfú méi xǐ gān jìng .
เสื้อผ้าชุดนี้ ซักไม่สะอาด
这道题我 没做对 。
zhè dào tí wǒ méi zuò duì.
คำถามข้อนี้ฉัน ทำไม่ถูก
你 没有听见 吗?安娜在叫你。
nǐ méiyǒu tīng jiàn ma? Ā n nà zài jiào nǐ.
เธอ (ฟัง)ไม่ได้ยิน หรอ แอนนากำลังเรียกเธอ
我 没有看见 你的词典。 wǒ méiyǒu kànjiàn nǐ de cídiǎn. ฉัน ไม่เห็นพจนานุกรม ของเธอ
还没 ..( 呢 ) ยังไม่(ได้)....(เลย)
还没 + คำกริยา + ( 呢 ) แปลว่า “ ยังไม่(ได้)...(เลย) ”
他 还没 来 呢 。
tā hái méi lái ne.
เขา ยังไม่ มา เลย
我 还没 吃 呢 。
wǒ hái méi chī ne.
ฉัน ยังไม่ได้ กิน เลย
还没 + คำกริยา + คำเสริมประเภทบอกผล( 结果补语 ) + ( 呢 )
แปลว่า “ ยัง + (คำกริยา) + ไม่ + (คำเสริมประเภทบอกผล) + (เลย) ”
1. 还没 看完 呢 。
2. 他 还没 做好 呢 。
3. 我 还没 听懂。
A: 你看见玛丽 了没有 ?
nǐ kànjiàn Mǎlì le méiyǒu ?
เธอเห็นแมรี่ แล้วรึยัง
B: 看见了。 kà njiàn le . เห็นแล้ว
A: 今天的作业你做完 了没有 ?
jīntiān de zuòyè nǐ zuò wán le méiyǒu ?
การบ้านของวันนี้เธอทำเสร็จ แล้วรึยัง
B: 还没做完呢。
hái méi zuò wán ne.
ยังทำไม่เสร็จเลย
A: 这个题你做对 了没有 ?
zhè gè tí nǐ zuò duì le méi yǒu ?
คำถามข้อนี้เธอทำถูกต้อง แล้วรึยัง
B: 没做对。 méi zuò duì. ทำไม่ถูก
ขณะที่หลังคำกริยามีคำเสริมประเภทบอกผลแล้วยังมีกรรมมารองรับ , กรรมจะต้องวางไว้หลังคำเสริมประเภทบอกผล เช่น
1. 我看 错 题了。
2. 我没看 见 你的词典。
กรรมที่มีการบอกถึงจำนวน คำช่วย “ 了 ” ต้องวางไว้ระหว่างหลังคำเสริม ประเภทบอกผลและกรรม เช่น
1. 我做错 了 两道题。
กรรม (ที่มีการบอกถึงจำนวน)
2. 我只翻译对 了 一个句子。
กรรม
(ที่มีการบอกถึงจำนวน)
เวลาแปลเป็นภาษาไทยให้แปลคำวิเศษณ์ไว้ท้าย 了
( 二 ) 结果补语 :“ 上 ” 、 “ 成 ” 和 “ 到 ” : คำเสริมประเภทบอกผล: “ 上 ” 、 “ 成 ” 、 “ 到 ”
1. “ 上 ” เป็นคำกริยา แสดงถึงอาการประกบ บ่งบอกการติดกันของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เวลาที่ทำหน้าที่เป็นคำเสริมประเภทบอกผล ในภาษาไทยเราจะไม่แปล “ 上 ” ออกมา แต่จะแปล กลืนไปกับคำกริยา หลักไปเลย เช่น
关上 门吧。 guān shàng mén ba. ปิด ประตูเถอะ
请同学们 合上 书 , 现在听写。
qǐng tóngxué men hé shàng shū, xiànzài tīng xiě.
นักเรียนทุกคนกรุณา ปิด หนังสือ ตอนนี้เขียนตามคำบอก
บ่งบอกการติดกันของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เช่น
请在这儿 写上 你的名字。
qǐng zài zhèr xiě shàng nǐ de míngzi.
กรุณา เขียน ชื่อของคุณที่นี้
( 上 บ่งบอกการติดกันของชื่อของคุณ( 你的名字 ) บน ที่นี้( 这儿 ))
请在这儿 写上 。
qǐng zài zhèr xiě shàng
กรุณา เขียน ที่นี้
写上 你的名字。
xiě shàng nǐ de míngzi
เขียน ชื่อของคุณ
你 穿上 这件毛衣试试。
nǐ chuān shàng zhè jiàn máo yī shì shi.
เธอลอง สวม เสื้อขนสัตว์ตัวนี้ดู
( 上 บ่งบอกการติดกันระหว่างเสื้อขนสัตว์( 毛衣 ) บน ตัวคนที่สวม( 你 ))
你 穿上 这件毛衣。
nǐ chuān shàng zhè jiàn máo
เธอ สวม เสื้อขนสัตว์ตัวนี้
你 穿上 试试。
nǐ chuān shàng shì shi.
เธอลอง สวม ดู
2. คำเสริมประเภทบอกผล “ 成 ” แปลว่า “ เป็น ” แสดงถึงเหตุการณ์หนึ่งกลายเป็น อีกเหตุการณ์หนึ่ง โดยผลของการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นสิ่งที่ดี หรือไม่ดีก็ได้ เช่น
这篇课文,老师要我们 改成 叙述体。
zhè piān kèwén, lǎoshī yào wǒmen gǎichéng xù shù tǐ
บทเรียนนี้
อาจารย์ต้องการให้ แก้เป็น รูปแบบการบรรยาย
“是不是”,他总 说成 “四不四”。
“shì bú shì”, tā zǒng shuō chéng “sì bú sì”.
“ ใช่ไม่ใช่ ” เขา มัก พูดเป็น “4 ไม่ 4”
这是个“我”字,你 写成 “找” 字了。
zhè shì gè “wǒ” zì, nǐ xiě chéng “zhǎo” zì le.
นี้เป็นอักษร “ 我 ฉัน ” เธอ เขียนเป็น อักษร “ 找 หา ”
3. คำเสริมประเภทบอกผล “ 到 ” แสดงถึง การกระทำบรรลุเป้าหมาย แปลโดยประมาณว่า “.. เจอ ,.. ได้ , .. ถึง ” คำกริยาหลักบางคำ เมื่อเจอกับ “ 到 ” เวลาแปลเป็น ภาษาไทยสามารถที่จะกลืนเป็นคำกริยาคำเดียวได้
3.1 แสดงถึง การกระทำบรรลุเป้าหมาย
我 找到 王老师了。 wǒ zhǎo dào wáng lǎoshī le. ฉัน หา อาจารย์หวัง เจอ แล้ว
我 看到 他妈妈了。 wǒ kàndào tā māma le. ฉัน เจอ แม่ เขา แล้ว
罗兰 买到 那本书了。
Luólán mǎi dào nà běn shū le.
โรลแลนด์ ซื้อ หนังสือเล่มนั้น ได้ แล้ว
3.2 แสดงถึง บางสิ่งได้ถึงสถานที่โดยผ่านการกระทำ (กรรมเป็นคำแสดงถึงสถานที่)
我昨天很晚才 回到 家。
wǒ zuótiān hěn wǎn cái huí dào jiā.
เมื่อวานฉันดึกมากถึงจะ กลับถึง บ้าน
我们 学到 二十九课了。
wǒmen xué dào èr shí jiǔ kè le.
พวกเรา เรียนถึง บทที่ 29 แล้ว
3.3 แสดงถึง การกระทำจะต่อเนื่องไปจนถึงเวลาหนึ่ง
星期六早上我 睡到 九点才起床。
xīng qī liù zǎoshàng wǒ shuì dào jiǔdiǎn cái qǐchuáng.
เช้าวันเสาร์ฉัน นอนถึง เก้าโมงถึงจะตื่น
我每天晚上都 学到 十一二点。
wǒ měitiān wǎnshàng dōu xué dào shí yī èr diǎn.
ทุกวันตอนเย็นฉัน เรียนถึง 11 -12 โมง (5ทุ่ม เที่ยงคืน)
每次 听到 这个音乐 , 就想你。
měi cì tīng dào zhè gè yīnyuè ,jiù xiǎng nǐ.
ได้ยิน เพลงนี้ทุกครั้ง ก็คิดถึงเธอ
听到 กับ 听见 ถึงแม้ว่าในภาษาไทยจะแปลว่า “ ได้ยิน ” เหมือนกัน แต่ในภาษาจีนจะมีจุดแตกต่างกันให้สังเกตได้อยู่บ้าง ดังนี้
เราได้เห็นกับตาได้ยินกับหูตัวเอง
เราได้ยินกับหู แต่ไม่ได้เห็นกับตา
ดังนั้นคนจีนจะมีคำกล่าวคำหนึ่งที่น่าสนใจ นั้นคือ ..
我 听见 什么什么的事 , 相信度 80%; 我 听到 什么什么相信度 20% 。
wǒ tīngjiàn shénme shénme de shì, xiāngxìn dù bǎi fēn zhī 80 ;
wǒ tīngdào shénme shénme xiāngxìn dù bǎi fēn zhī 20.
ฉัน ได้ยิน( 听见 ) เรื่องอะไร ๆ มา ระดับความน่าเชื่อถือ 80%
ฉัน ได้ยิน( 听到 ) อะไร ๆ มา ระดับความน่าเชื่อถือ 20%
ทั้งนี้ถ้าเรามีโอกาสได้ถามคนจีน 10 คน จะมี 9 คนที่ตอบว่าทั้ง 听到 และ 听见 มีความหมายไม่ต่างกันสามารถใช้แทนกันได้ค่ะ
3.5 คำกริยาบางคำเมื่อเจอกับ “ 到 ” ที่ ทำหน้าที่เป็นคำเสริมประเภทบอกผล จะแปลได้ หลายแบบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง คำกริยา “ 看 ”
แสดงถึง การกระทำบรรลุเป้าหมาย
我 看到 他妈妈了。 wǒ kàndào tā māma le. ฉัน เจอ แม่ เขา แล้ว
แสดงถึงการผ่านมาของเหตุการณ์หนึ่ง
1. อ่านไป.. 2. อ่านถึง 3. อ่านเจอ
ตัวอย่าง แปลว่า “ อ่านถึง ”
这本书还没看完呢,才 看到 三十页。
zhè běn shū hái méi kàn wán ne, cái kàn dào sān shí yè.
หนังสือเล่มนี้ยังอ่านไม่จบเลย
เพิ่งจะ อ่านไป 30หน้า
这本书还没看完呢,才 看到 第五页。
zhè běn shū hái méi kàn wán ne, cái kàn dào dì wǔ yè.
หนังสือเล่มนี้ยังอ่านไม่จบเลย
เพิ่งจะ อ่านถึง หน้าที่ 5
ตัวอย่าง แปลว่า “ อ่านเจอ ”
今天早上我 看到 刘德华的新闻。
jīntiān zǎo shàng wǒ kàn dào Liú Déhuá de xīnwén.
วันนี้ตอนเช้าฉัน อ่านเจอ ข่าวของหลิวเต้อหัว
แสดงถึงการกระทำมีความต่อเนื่อง หรือต่อเนื่องกันจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง
每天 看到 他们一起来上班。
měitiān kàndào tāmen yìqǐ lái shàngbān.
เจอ พวก เขา มาทำงานด้วยกันทุกวัน
我去礼堂看电影, 看到 晚上九点才看完。
wǒ qù lǐtáng kàn diànyǐng,
kàndào wǎn shàng jiǔ diǎn cái kàn wán.
ฉันไปหอประชุมดูหนัง ดูถึง สามทุ่มถึงจะดูจบ
ความแตกต่างระหว่าง 看见 และ 看到
แปลได้หลายแบบมากขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบน
( 三 ) 主谓词组作定语 : กลุ่มคำบอกเล่า(มีประธานกริยาในประโยค) ทำหน้าที่เป็นคำขยายนาม กลุ่มคำบอกเล่าขณะทำหน้าที่ขยายนามต้องเติม “ 的 ” เข้าไปช่วย เช่น
田芳借给你的 那本书你看完了没有?
Tiánfáng jiè gěi nǐ de nà běn shū
nǐ kàn wán le méiyǒu?
หนังสือเล่มนั้น ที่ เถียนฟางให้คุณยืม
คุณอ่านจบแล้วรึยัง
我们现在学的 词大概有一千多个。
wǒmen xiànzài xué de cí
dàgài yǒu yì qiān duō gè.
คำศัพท์ที่ พวกเราเรียนตอนนี้
มีประมาณหนึ่งพันกว่าตัว
你要的 那本书我给你买到了。
nǐ yào de nà běn shū wǒ gěi nǐ mǎi dào le.
หนังสือเล่มนั้น ที่ เธอต้องการ ฉันซื้อให้เธอได้แล้ว
(1) 语音 เสียง
1. 辨音辨调 biànyīn biàndiào ความต่างของเสียง
2. 朗读 lǎng dú ฝึกอ่านอักษรจีน