วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553ที่ www.jiewfudao.com
张骞 จางเชียน
ย้อนหลังไปถึงสมัยราชวงศ์ฮั่น( 汉代 ) ของจีนซึ่งห่างจากปัจจุบันกว่า 2000 ปี ท่ามกลางเสียงกระดิ่งอูฐอันไพเราะจับใจระหว่างเส้นทางสายไหม( 丝绸之路 ) ประเทศจีนได้ผูกความสัมพันธ์กับชนชาติต่าง ๆ ในดินแดนตะวันตกอย่างกว้างขวาง อารยธรรมตะวันออกกับอารยธรรมตะวันตก( 中西文明 ) เริ่มมีการสัมผัสและผสมผสานกัน ครั้นรัชสมัยพระเจ้าฮั่นอู่ตี้( 汉武帝 ) ชนเผ่าซงหนู( 匈奴 ) จากทางเหนือของจีนมารุกรานชายแดนจีนเสมอ และยังได้ควบคุมประเทศเล็ก ๆ ในดินแดนตะวันตกถึงหลายสิบประเทศ 138ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ได้ทรงส่ง จางเชียน( 张骞 ) นำคณะราชทูตจำนวน 100 คน ไปเยือนประเทศทางทิศตะวันตก( 出使西域 ) ของจีน โดยติดต่อกับประเทศต้าเอวี้ยจือ( 大月氏 ) เพื่อโจมตีชนเผ่าซงหนูทั้งข้างซ้ายและข้างขวา แต่พอจางเชียนเดินทางออกจากชายแดนก็ถูกชนเผ่าซงหนูจับกุม หัวหน้าเผ่าซงหนู่พอทราบวัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังเขตตะวันตกในครั้ง นี้แล้ว จึงสั่งให้กักตัวจางเชียนพร้อมกับคณะและส่งตัวไปใช้แรงงานเป็นกุลี นอกจากนี้ยังจัดการหาภรรยาให้จางเชียนเพื่อที่จะให้จางเชียนเลิกล้มความ ตั้งใจเสีย แต่ว่าจางเชียนไม่เคยลืมภาระหน้าที่ของตนและไม่เคยละทิ้งความพยายาม ในระหว่างเวลาที่ถูกจับกุม เขาได้เรียนรู้ภาษาซงหนูและรู้จักสภาพทางภูมิศาสตร์ของซงหนูหลังจากที่ถูกซงหนูกักตัวเป็นเวลานานถึง 11 ปี จนฝ่ายซงหนูคลายความระวังเข้มงวด จางเชียนเห็นได้จังหวะ ก็นำสมาชิกในคณะหลบหนี พวกเขาเดินทางผ่านเขตของสาธารณรัฐอุซเบกิสถานในปัจจุบันไปจนถึงเขตของประเทศ เผ่าชนต้าเอวี้ยจือในที่สุด ต่อมา เมื่อรู้ว่ากษัตริย์ต้าเอวี้ยจือไม่อยากแก้แค้นชนเผ่าซงหนู จางเชียนจึงตัดสินใจกลับประเทศจีน 100 คนที่เดินทางไปพร้อมกับจางเชียนเหลือกลับถึงเมืองฉางอาน( 长安 ) เพียง 2 คน
พระเจ้า ฮั่นอู่ตี้( 汉武帝 )
จางเชียนเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก
จางเชียนเกิดในมณฑลส่านซี เป็นคนซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ และเป็นคนที่มีจิตใจชอบการผจญภัย งานการทูตครั้งนี้นับว่าเป็นงานที่มีความยากลำบาก เพราะว่าต้องผ่านเขตของเผ่าชนซงหนูที่เป็นอริกับจีนและดินแดนทุรกันดารต่างๆ ที่มีลักษณะภูมิประเทศอันเลวร้าย ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้
119 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ฮั่นอู่ตี้ทรงส่งจางเชียนไปเยือนดินแดนตะวันตกอีกครั้งโดยมีผู้ติดตาม 300 คนพร้อมทั้งวัวกับแพะกว่าหมื่นตัวและสินค้าต่าง ๆ ด้วย จางเชียนกับคณะราชฑูตได้เยือนประเทศต่าง ๆ มากมาย ประเทศเหล่านี้ก็ได้ส่งคณะฑูตนำของขวัญมาเยือนประเทศจีนด้วย ตั้งแต่นั้นมา การติดต่อสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ฮั่นกับประเทศดินแดนตะวันตกนับวันจะบ่อยครั้งยิ่งขึ้น ต่อมา ราชวงศ์ฮั่นได้จัดตั้งซีหยู้ตูหู้ฝู่( 西域部护府 ) ที่เขตซินเจียง( 新疆 ) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่ขึ้นต่อรัฐบาลกลาง( 中央政府 ) โดยมีหน้าที่ดูแลกิจการงานเกี่ยวกับประเทศดินแดนตะวันตก
การที่จางเชียนออกราชทูตถึงดินแดนตะวันตกนั้นได้บุกเบิกเส้นทางสายไหมที่ส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและโลกตะวันตก เส้นทางสายไหมเริ่มจากเมืองฉางอานในทิศตะวันออก ไปยังทิศตะวันตกถึงฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน( 中海东岸 ) ท้ายสุดไปถึงจักรวรรดิโรมัน( 罗马帝国 ) กองคาราวานของราชวงศ์ฮั่น( 汉朝的商队 ) ได้นำสิ่งทอด้วยไหมจีนไปแลกเปลี่ยนกับชาวเปอร์เซีย( 波斯人 ) ชาวอินเดีย( 印度人 ) และชาวโรมัน( 罗马人 ) และได้นำสินค้าต่างประเทศ เช่นวอลนัต( 核桃 ) องุ่น( 葡萄 ) แครอท( 胡萝卜 ) ฯลฯ กลับมายังประเทศจีน หลายศตวรรษต่อจากนั้น การแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและโลกตะวันตกโดยการค้าผ้าไหมเป็นหลักส่วนมากดำเนินผ่านทางเส้นทางสายไหม นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมกับโลกซีกตะวันตกมากยิ่งขึ้น และมีส่วนช่วยให้พุทธศาสนาแพร่เข้าสู่จีนในเวลาต่อมา จางเชียนเป็นผู้บุกเบิกยุคแห่งการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมระหว่างจีนกับตะวันตก ผู้คนยังคงกล่าวขวัญและนับถือจิตใจอันสูงส่งของจางเชียนที่แม้จะผ่านความยาก ลำบากสุดประมาณแต่ก็ไม่ย่อท้อกลับมีแต่ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
** เส้นทางสายไหม (“ 丝绸之路 ”)
คำว่า ”เส้นทางสายไหม ” เพิ่งถูกเรียกอย่างเป็นทางการในกลางศตวรรษที่ 19 โดยนัก
ปราชญ์ชาวเยอรมัน นาม Baron Ferdinand von Richthofen เป็นผู้บัญญัติชื่อนี้ขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับถึงแม้จะมีคนพยายามเรียกเป็นอย่างอื่น อย่างเส้นทางหยก เส้นทางอัญมณี เส้นทางพุทธศาสนา เป็นต้น เส้นทางนี้ เริ่มจากทางตะวันออกที่เมืองฉางอัน หรือซีอันในปัจจุบันของประเทศจีนไปสิ้นสุดที่ยุโรป ณ เมืองคอนสแตนติโนเปิล ( Constantinople)เส้นทางบนบกนั้น แนวเส้นทางหลัก ๆเฉพาะในประเทศจีนแยกเป็นสามเส้นทาง และจากเมืองหลักของแต่ละเส้นทางจะมีเส้นทางแยกย่อยออกไปเหมือนเครือข่ายใยแมงมุมซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง วัฒนธรรมในแต่ละยุค แต่เส้นทางในประเทศจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเส้นทางทางเหนือจากซีอันสู่ระเบียงเหอซี ก่อนแยกไปทางรัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง
อ้างอิงจาก
· หนังสือ “ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ประเทศจีน ( 中国历史常识 )” – The Overseas Chinese Affairs Office of the State Council / The Office of Chinese Language Council International. – สำนักพิมพ์สุขภาพใจ
· http://thai.cri.cn/1/2005/12/27/21@59438.htm
· http://www.thaichinese.net/Art_Culture/Songs_Music/SilkRoad/silkroad.html
· http://wencaifeng.blog.sohu.com/116093431. html
· https://www.jiewfudao.com/ประวัติศาสตร์จีน/พระเจ้าฮั่นอู่ตี้. html
· http://www.cgxwhg.com/jxwh-1.htm
· http://wenhua.eco.gov.cn/3/1/2/1/2009/0703/134504. html