
“นางฟ้าโปรยดอกไม้” หรือ “เซียนนวี่ ซ่านฮัว” (仙女散花) บ้างเรียกว่า “เทียนนวี่ ซ่านฮัว” (天女散花) ทั้งสองคำต่างล้วนมีความหมายเดียวกัน ภาพสิริมงคลของนางฟ้าจะแสดงออกในลักษณะของเทพธิดาผู้งดงาม กำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางหมู่มวลเมฆ และร่ายรำพร้อมทั้งโปรยดอกไม้จากฟากฟ้าลงมาสู่แดนดิน นับเป็นภาพแห่งความงดงามที่ติดตาตรึงใจกับชาวจีนมานานแสนนาน
ดังนั้น ภาพ “นางฟ้าโปรยดอกไม้” จึงถูกใช้เป็นภาพสัญลักษณ์แห่งการอำนวยพร ดอกไม้จากสวรรค์ที่โปรยลงมา เปรียบได้กับการประทานส่งความสุขมอบให้แด่มนุษย์ทุกรูปนาม ในปัจจุบันนี้ คำว่า “นางฟ้าโปรยดอกไม้” ไม่เพียงแต่ปรากฏในภาพวาดจิตรกรรมอันเป็นสัญลักษณ์มงคลแห่งการอำนวยพรเท่านั้น แต่ยังนิยมใช้ในการร่ายรำทางนาฏศิลป์จีน และการแสดงอุปรากรจีนอีกด้วย

นอกเหนือจากนี้ ยังมีภาพลักษณ์มงคลเกี่ยวกับนางฟ้าอีกภาพหนึ่งที่นิยมใช้แขวนประดับและส่งมอบอวยพรต่อกันและกันคือ ภาพ “เจ็ดนางฟ้า” (七仙女) หรือ บ้างก็เรียกกันว่า “เจ็ดนางฟ้าคะนึงถึงแดนดิน” (七仙女思凡) กล่าวกันว่า นางฟ้าทั้งเจ็ดเป็นพระธิดาของอวี้ฮว๋างต้าตี้ (玉皇大帝)หรือที่เราเรียกกันว่า “เง็กเซียนฮ่องเต้” แม้ว่าชีวิตบนสรวงสวรรค์จะสุขกายสบายใจ แต่เทพธิดาทั้งเจ็ดต่างก็ปรารถนาจะเป็นดั่งเช่นชีวิตของชายหนุ่มหญิงสาวบนโลกมนุษย์ จึงเมียงมองลงมายังโลกด้วยความคะนึงหาชีวิตอันแสนหวานของทุกคู่รักบนแผ่นดิน

อวี้ฮว๋างต้าตี้ (玉皇大帝)หรือที่เราเรียกกันว่า “เง็กเซียนฮ่องเต้” ภาพนางฟ้าโปรยดอกไม้ที่ผนังถ้ำตุนหวง(敦煌)
คตินิยมเรื่องของ “นางฟ้า” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ จะพบเห็นได้ในงานศิลปะจิตรกรรมฝาผนังทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพจิตรกรรมพุทธศิลป์ ณ ผนังถ้ำตุนหวง (敦煌) ในเส้นทางสายไหมอันเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยหนานเป่ยเฉา ถึงราชวงศ์สุย ในถ้ำดังกล่าว มีปรากฏภาพลักษณะของเหล่าทวยเทพผู้สามารถล่องลอยบนท้องฟ้า และภาพของเหล่านางฟ้าที่บรรเลงเพลงดนตรีขับกล่อมให้ใจพิสุทธิ์ผ่องแพ้ว เรียกกันว่า “เฟยเทียน”(飞天) ซึ่งภาพของเหล่านางฟ้า ในความรู้สึกนึกคิดของคนปัจจุบัน ก็มาจากแบบลักษณะของเฟยเทียนนั้นเอง ดังนั้น ไม่ว่าช่วงเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม จินตนาการเกี่ยวกับนางฟ้าก็ยังเป็นที่นิยมจากชาวบ้านทั่วไปอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่า ความงามแห่งสัญลักษณ์นางฟ้าก็คือความปรารถนาในใจของมนุษย์ทุกรูปนามที่ต่างใฝ่ฝันหา
ภาพต่อไปนี้จะเป็นภาพนางฟ้าบนผนัง ณ ผนังถ้ำตุนหวง (敦煌) ต่าง ๆ พี่จิ๋วได้หามาให้พวกเราได้ชมกันค่ะ











อ้างอิงจาก : หนังสือ 108 ลัญลักษณ์จีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล