第二十四课 : 我想学太极拳。บทที่ 24 : ฉันอยากเรียนไท้เก็ก 
ปรับปรุงล่าสุดวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2559 www.jiewfudao.com

|
|
|
|
|
|
|
|
|
他很喜欢太极拳。 tā hěn xǐhuan tàijíquán. เขาชอบไท้เก็กมาก
|
|
|
|
|
1.รำ(ไท้เก็ก) 2.กด,โทร(โทรศัพท์)
3.ทุบ,ตี,ชก,ต่อย,ตบ (คน, สัตว์, สิ่งของ)
4.ตี,เล่น (กีฬา เช่น เทนนิส กอล์ฟ เป็นต้น)
|
|
|
我在学打太极拳。
wǒ zài xué dǎ tàijíquán.
ฉันกำลังเรียนรำไท้เก็ก
|
他打电话来的时候,我正在忙。
tā dǎ diànhuà lái de shíhòu,
wǒ zhèng zài máng.
ตอนที่เขาโทรศัพท์มา ฉันกำลังยุ่ง
|
|
ตัวอย่าง แปลว่า “ตี ; เล่น”
|
朋友叫我去打人。
péngyou jiào wǒ qù dǎ rén.
เพื่อนเรียกให้ฉันไปชกต่อยคน
|
我们一起去打网球吧。
wǒmen yìqǐ qù dǎ wǎngqiú ba.
พวกเราไปตีเทนนิสด้วยกันเถอะ
พวกเราไปเล่นเทนนิสด้วยกันเถอะ
|
|
|
|
|
|
คำอธิบายเพิ่มเติม : 会 ทำหน้าที่เป็นคำกริยา(动词)และคำกริยานุเคราะห์(能原动词)
(ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บทที่ 19) ในบทที่ 24 เรามาทบทวนกันอีกครั้งค่ะ
(1) ทำหน้าที่เป็นคำกริยา : กรณี 会 ทำหน้าที่เป็นคำกริยา จะแสดงถึงความเชี่ยวชาญ ชำนาญ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “เป็น” หรือ “รู้”
|
|
她会英语,不会法语。
tā huì yīngyǔ, bú huì fǎyǔ.
เขาเป็นภาษาอังกฤษ ไม่เป็นภาษาฝรั่งเศสเขารู้ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ภาษาฝรังเศส
|
她会电脑。
tā huì diànnǎo.
เขาเป็นคอมพิวเตอร์ / เขารู้คอมพิวเตอร์
|
(2) ทำหน้าที่เป็นคำกริยานุเคราะห์
2.1) จะแสดงถึงความ สามารถ ความเป็นไปได้ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า“..เป็น” หรือ “..ได้”
ตัวอย่าง 1: 我会说汉语。
ตัวอย่าง 2: 你会打太极拳吗?
2.2) กรณี 会 แสดงถึงการคาดเดาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น จะแปลว่า “จะ...”
ตัวอย่าง : 今天他会来我家。
2.3) กรณีปฏิเสธจะใช้โครงสร้าง : 不会 + คำกริยา + คำนาม(กรรม)
ตัวอย่าง : 我不会打太极拳。
|
|
|
|
|
|
|
我听说你很忙。 wǒ tīngshuō nǐ hěn máng. ฉันได้ยินมาว่าเธอยุ่งมาก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
下星期我去北京。
xià xīngqī wǒ qù Běijīng.
สัปดาห์หน้าฉันไปปักกิ่ง
|
听说, 体育老师下星期教太极拳。
tīngshuō , tǐyù lǎoshī xià xīngqī jiāo tàijíquán.
ได้ยินมาว่า สัปดาห์หน้าอาจารย์พละสอนไท้เก็ก
|
|
|
|
|
|
|
|
听说体育老师下星期教太极拳,我们去报名吧。
tīngshuō tǐyù lǎoshī xià xīngqī jiāo tàijíquán, wǒmen qù bàomíng ba.
ได้ยินมาว่า สัปดาห์หน้าอาจารย์พละสอนรำไท้เก็ก พวกเราไปสมัครกันเถอะ
|
|
|
|
|
|
|
|
什么时候开始上课?
shénme shíhòu kāishǐ shàngkè?
เริ่ม (เข้า) เรียนเมื่อไหร่
|
我的爱,从你的爱开始。
wǒ de ài, cóng nǐ de ài kāishǐ.
ความรักของฉัน เริ่มต้นจากความรักของเธอ
|
หมายเหตุ : 从...开始 = เริ่มต้นจาก........
|
|
|
|
|
|
|
คำอธิบายเพิ่มเติม : 再 เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (副词) ขยายคำกริยาหรือคำคุณศัพท์ บอกถึงการทำซ้ำ หรือการทำต่อเนื่องของการกระทำนั้น ๆ โดยที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นจริง
|
|
明天我再来。
míngtiān wǒ zài lái.
พรุ่งนี้ฉันมาอีก
|
我还想再去。
wǒ hái xiǎng zài qù.
ฉันยังอยากไปอีก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 ชั่วโมงกว่า , ชั่วโมงกว่า
|
|
|
|
1 ชั่วโมงครึ่ง , ชั่วโมงครึ่ง
|
|
一天有二十四个小时。yì tiān yǒu èr shí sì gè xiǎoshí. 1 วันมี 24 ชั่วโมง
|
|
|
|
|
ครั้ง (คำลักษณนาม ใช้กับระยะเวลา)
|
|
我从四点半到五点半上课。一次一个小时。
wǒ cóng sì diǎn bàn dào wǔ diǎn bàn shàngkè. yí cìyí gè xiǎoshí.
ฉันเข้าเรียนตั้งแต่ 4 โมงครึ่งถึง 5 โมงครึ่ง ครั้งหนึ่ง 1 ชั่วโมง
|
|
一天吃三次药。 yì tiān chī sān cì yào. วันหนึ่งกินยา 3 ครั้ง
|
|
|
|
|
|
|
|
再说一遍。 zài shuō yí biàn. พูดอีก(1)รอบ / พูดอีกสักรอบ
|
|
|
|
|
1.สามารถ...ได้
2.จะ....ได้ (คาดเดาความเป็นไปได้)
|
|
|
|
(จะ).....ได้ไหม , (จะ).....ได้รึเปล่า
|
|
|
你能做吗?
nǐ néng zuò ma?
เธอสามารถทำได้รึเปล่า
|
您能不能再说一遍?
nín néng bù néng zài shuō yí biàn?
คุณจะพูดอีก 1 รอบได้ไหม / คุณจะพูดอีกสักรอบได้รึเปล่า
|
|
|
|
|
|
1.เข้าใจ 2.....ออก(กรณีฟัง)
|
|
|
|
你懂什么是爱吗?
nǐ dǒng shénme
shì ài ma?
เธอเข้าใจอะไร
คือความรักรึเปล่า
|
我听不懂。
wǒ tīng bù dǒng .
ฉันฟังไม่ออก
ฉันฟังไม่เข้าใจ
|
我听不懂英语。
wǒ tīng bù dǒng yīngyǔ.
ฉันฟังภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ
ฉันฟังภาษาภาษาอังกฤษไม่ออก
|
|
|
|
|
|
|
|
她今天有点儿不舒服。 tā jīntiān yǒu diǎnr bù shūfu. วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย
หมายเหตุ : 有点儿不 แปลว่า “ไม่ค่อย”
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หมายถึงอะไร, หมายความว่าอะไร
|
|
|
|
มันหมายถึงอะไร
มันหมายความว่าอะไร(ยังไง)
|
|
|
我不懂 “一 三 五” 是什么意思?
wǒ bù dǒng “yī sān wǔ”
shì shénme yìsi.
ฉันไม่เข้าใจว่า “135”
มันหมายถึงอะไร
|
你跟他一起去吃饭,这是什么意思?
nǐ gēn tā yìqǐ qù chīfàn, zhè shì shénme yìsi?
เธอไปกินข้าวด้วยกันกับเขา
นี้มันหมายความว่าอะไร
เธอไปกินข้าวด้วยกันกับเขา
นี้มันหมายความว่ายังไง
|
|
|
|
|
|
|
|
这部电影很有意思。
zhè bù diànyǐng hěn yǒu yìsi.
หนังเรื่องนี้สนุกมาก
|
这本书很有意思。
zhè běn shū hěn yǒu yìsi.
หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
我不想再请假了。
wǒ bù xiǎng zài qǐngjià le.
ฉันไม่อยากลาหยุดอีกแล้ว
|
玛丽让我给她请个假。
Mǎlì ràng wǒ gěi tā qǐng ge jià.
แมรี่ให้ฉันลาหยุดให้เขา
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
这几天,我常常头疼。
zhè jǐ tiān wǒ chángcháng tóu téng.
2-3 วันนี้ ฉันปวดหัวบ่อย ๆ
|
|
|
|
|
|
|
发烧不能吃什么?
fā shāo bù néng chī shénme?
เป็นไข้ตัวร้อนไม่สามารถกินอะไรได้
|
|
|
|
|
|
|
咳嗽不能吃橘子。 késou bù néng chī júzi. ไอไม่สามารถกินส้มได้
|
|
|
|
|
|
|
你吃药了吗? nǐ chī yào le ma? เธอกินยาแล้วรึยัง
|
|
|
|
|
|
|
感冒的时候能运动吗?
gǎnmào de shíhòu néng yùndòng ma?
ขณะที่เป็นหวัดสามารถออกกำลังกายได้รึเปล่า
|
|
|
|
|
1.อาจจะ ... 2.เป็นไปได้ว่า(จะ)
|
|
她今天有点儿不舒服,头疼,发烧,咳嗽,可能感冒了。
tā jīntiān yǒu diǎnr bù shūfu, tóuténg, fāshāo, késou, kěnéng gǎnmào le.
วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ปวดหัว เป็นไข้ตัวร้อน ไอ อาจจะเป็นหวัดแล้ว
วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ปวดหัว เป็นไข้ตัวร้อน ไอ เป็นไปได้ว่าจะเป็นหวัดแล้ว
|
|
|
|
1.เป็นไปไม่ได้ 2.ไม่มีทาง...(ได้)
|
|
|
|
我不可能爱他。
wǒ bù kěnéng tā .
ฉันไม่มีทางรักเขา(ได้)
|
我们不可能在一起。
wǒmen bù kěnéng zài yìqǐ.
พวกเราไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้
|
没有什么不可能。
méiyǒu shénme bù kěnéng.
ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
|
|
|
|
|
|
|
你觉得有可能吗?nǐ juéde yǒu kěnéng ma? เธอรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้รึเปล่า
|
|
|
|
|
|
|
医院离这儿远吗? yīyuàn lí zhèr yuǎn ma? โรงพยาบาลอยู่ห่างจากที่นี้ไกลไหม
|
|
|
|
|
1.(คนไข้) หาหมอ
2.(หมอ) ตรวจอาการป่วยให้คนไข้
|
|
|
|
|
|
她要去医院看病,不能来上课。
tā yào qù yīyuàn kàn bìng, bù néng lái shàng kè.
เขาต้องไปโรงพยาบาลหาหมอ ไม่สามารถมาเข้าเรียนได้
|
(一)、我想学太极拳 wǒ xiǎng xué tàijíquán. ฉันอยากเรียนรำไท้เก็ก
|
玛丽: 你会打太极拳吗?
nǐ huì dǎ tàijíquán ma?
เธอรำไท้เก็กเป็นไหม
罗兰: 不会。你呢?
bú huì. nǐ ne?
ไม่เป็น แล้วเธอล่ะ
玛丽: 我也不会。你想不想学?
wǒ yě bú huì. nǐ xiǎng bù xiǎng xué?
ฉันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เธออยากเรียนไหม
罗兰:想学。
xiǎng xué.
อยากเรียน
玛丽:我也想学。听说体育老师下星期教太极拳,我们去报名吧。
wǒ yě xiǎng xué. tīngshuō tǐyù lǎoshī xià xīngqī jiāo tàijíquán,
wǒmen qù bàomíng ba.
ฉันก็อยากเรียนเหมือนกัน ได้ยินมาว่าสัปดาห์หน้าอาจารย์พละสอนไท้เก็ก
พวกเราไปสมัครกันเถอะ
罗兰:好。
hǎo.
ได้ (โอเค)
|
(二)、你能不能再说一遍?
nǐ néng bù néng zài shuō yí biàn?
เธอพูดอีกสักรอบได้ไหม
|
玛丽: 老师,我们想学太极拳,现在可以报名吗?
lǎoshī, wǒmen xiǎng xué tàijíquán, xiànzài kěyǐ bàomíng ma?
อาจารย์ พวกเราอยากเรียนไท้เก็ก สมัครเรียนตอนนี้ได้ไหม
老师: 可以。
kě yǐ.
ได้
玛丽: 什么时候开始上课?
shénme shíhòu kāishǐ shàngkè?
เริ่มเรียนเมื่อไหร่
老师: 下星期一。
xià xīngqī yī.
วันจันทร์หน้า
玛丽: 每天下午都有课吗?
měitiān xià wǔ dōu yǒu kè ma?
ทุกวันตอนบ่ายมีเรียนรึเปล่า
老师: 不,只一三五下午。
bù, zhǐ yī sān wǔ xià wǔ.
ไม่ แค่ช่วงบ่ายของสัปดาห์ที่ 135
玛丽: 对不起,您能不能再说一遍?我不懂 “一三五”是什么意思。
duì bù qi, nín néng bù néng zài shuō yí biàn? wǒ bù dǒng “yī sān
wǔ”shì shénme yìsi.
ขอโทษ ท่าน(อาจารย์)พูดอีกสักรอบได้ไหม ฉันไม่เข้าใจว่า “135” แปลว่าอะไร
老师: 就是星期一、星期三、星期五。
jiù shì xīngqī yī, xīngqī sān, xīngqī wǔ.
ก็คือ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์
玛丽: 从几点到几点上课?
cóng jǐ diǎn dào jǐ diǎn shàng kè?
เข้าเรียนตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง
老师: 四点半到五点半。一次一个小时。
sì diǎn bàn dào wǔ diǎn bàn. yí cì yí gè xiǎo shí.
สี่โมงครึ่งถึงห้าโมงครึ่ง. ครั้งหนึ่งหนึ่งชั่วโมง
(星期一下午…..วันจันทร์ตอนบ่าย)
老师: 玛丽!….玛丽怎么没来?
Mǎ lì! ….Mǎ lì zěnme méi lái.
แมรี่...แมรี่ ทำไมไม่มา
罗兰: 老师,玛丽让我给她请个假。她今天有点儿不舒服,头疼,
发烧,咳嗽,可能感冒了。她要去医院看病,不能来上课。
lǎoshī, Mǎlì ràng wǒ gěi tā qǐng gè jià. tā jīntiān yǒu diǎnr bù shūfu,
tóuténg, fāshāo, késou, kěnéng gǎnmào le. tā yào qù yīyuàn kàn
bìng, bù néng lái shàng kè.
อาจารย์ แมรี่ให้ฉันลา(หยุด)ให้เขา วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ปวดหัว เป็นไข้
ตัวร้อน ไอ เป็นไปได้ว่าจะเป็นหวัดแล้ว เขาต้องไปโรงพยาบาลหาหมอ
ไม่สามารถมาเข้าเรียนได้
|
注释 zhùshì คำอธิบายเพิ่มเติม
|
一、ความแตกต่างระหว่าง 再 และ 又
|
再 และ 又 ทั้งสองคำนี้แปลว่า “อีก” แตกต่างกันตรงที่..
再:การกระทำหรือเหตุการณ์นั้น ๆ ยังไม่เกิดขึ้นแปลเป็นภาษาไทยว่า “...อีก”
|
又:การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วแปลเป็นภาษาไทยว่า“....อีกล่ะ”
|
|
你再说一遍,好吗?
nǐ zài shuō yí biàn, hǎo ma?
เธอพูดอีก(1)รอบ ได้ไหม?
|
|
你又说。
nǐ yòu shuō .
เธอพูดอีกล่ะ
|
|
|
|
|
|
明天我再来。
míngtiān wǒ zài lái.
พรุ่งนี้ฉันมาอีก
|
|
今天我又来。
jīntiān wǒ yòu lái.
วันนี้ฉันมาอีกล่ะ
|
二、ความแตกต่างระหว่าง 次 และ 遍
|
ที่เราเรียนกันข้างต้น 次 แปลว่า “ครั้ง” ส่วน 遍 แปลว่า“รอบ” ทั้งนี้ 次 และ 遍 ยัง สามารถแปลตรงกันได้ว่า “ครั้ง” ทั้ง 2 คำแตกต่างกันตรงที่
1. 次 ใช้กันกว้างขวางมากกว่า遍 (ถ้าคิดไม่ออกว่าจะใช้ตัวไหนดีให้ใช้ 次 ไว้ก่อน)
2. 遍 ใช้มากในภาษาหนังสือ ส่วน 次 ใช้ได้ทั้งภาษาหนังสือและภาษาพูด
3. 遍 มีความหมายโดยนัยว่าครอบคลุมครบรอบ ส่วน 次 จะไม่ค่อยชัดเจนไม่จำเป็น
ต้องคลอบคลุม เช่น
|
|
再说一次。
zài shuō yí cì.
พูดอีกครั้งหนึ่ง
หมายเหตุ: ไม่ชัดเจนว่าจะต้องพูดตั้งแต่ต้น จนจบอีกรอบ พูดเฉพาะเรื่องตรงนั้น จุดนั้นอีกครั้ง
|
再说一遍。
zài shuō yí biàn.
พูดอีกรอบหนึ่ง
หมายเหตุ: พูดตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง
|
一天看三次。
yì tiān kàn sān cì.
วันหนึ่งดู 3 ครั้ง
หมายเหตุ : แต่ละครั้งที่ดูอาจจะดูไม่จบ
|
一天看三遍。
yì tiān kàn sān biàn.
วันหนึ่งดู 3 รอบ
หมายเหตุ : แต่ละครั้งที่ดู ดูตั้งแต่ต้นจบ ครบ 3 รอบ
|
一、能原动词 néng yuán dòngcí คำกริยานุเคราะห์
|
(1) ความแตกต่างระหว่าง 能,会 และ 可以
|
能,会 และ 可以 ล้วนเป็นคำกริยานุเคราะห์ (助动词/能原动词) โดยทั้งสามคำนี้ แสดงถึงทักษะและความสามารถ การอธิบายถึงความแตกต่าง จึงขอแยกอธิบายเป็น 2 หัวข้อ
1) ความแตกต่างกันทางไวยากรณ์
2) ความแตกต่างกันเชิงเปรียบเทียบความหมายของ 能、会 และ 可以
1) ความแตกต่างกันทางไวยากรณ์
|
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
1. อยู่ข้างหน้าคำกริยาหรือคำคุณศัพท์
|
|
|
|
ตัวอย่าง : 我能打太极拳。/ 我会打太极拳。/ 我可以打太极拳。
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
2. สามารถทำหน้าที่เป็นคำกริยาที่มี บทกรรมตามหลังได้
|
|
|
|
|
她会英语,不会法语。
tā huì yīngyǔ, bú huì fǎyǔ.
เขาเป็นภาษาอังกฤษ ไม่เป็นภาษาฝรั่งเศส
|
|
她会电脑。 tā huì diàn nǎo. เขาเป็นคอมพิวเตอร์
|
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
3. ใช้โครงสร้าง A不A, AB不ABและ A不AB ได้
|
|
|
|
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
4. สามารถใช้ 没(有) ในการปฏิเสธได้
|
|
|
|
ตัวอย่าง : 今年春节我没能回家。
jīnnián chūnjié wǒ méinéng huí jiā.
ตรุษจีนปีนี้ฉันไม่สามารถกลับบ้านได้
|
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
5. สามารถใช้ 不 ในการปฏิเสธได้
|
|
|
|
|
她不能说汉语。
tā bù néng shuō hànyǔ.
เขาพูดภาษาจีนไม่ได้ / เขาไม่สามารถพูดภาษาจีนได้
|
|
A: 下午你能不能跟我一起去?
xiàwǔ nǐ néng bù néng gēn wǒ yìqǐ qù?
ตอนบ่ายเธอไปด้วยกันกับฉันได้ไหม
ตอนบ่ายเธอจะไปด้วยกันกับฉันได้รึเปล่า
B: 对不起,我有事,不能跟你一起去。
duì bù qi, wǒ yǒu shì, bù néng gēn nǐ yì qǐ qù.
ขอโทษ ฉันมีธุระ ไปด้วยกันกับเธอไม่ได้
ขอโทษ ฉันมีธุระ ไม่สามารถไปด้วยกันกับเธอได้
|
|
A: 他会说汉语吗?
tā huì shuō hànyǔ ma?
เขาพูดภาษาจีนเป็นรึเปล่า? / เขาพูดภาษาจีนได้รึเปล่า
B: 他不会说汉语。
tā bú huì shuō hànyǔ.
เขาพูดภาษาจีนไม่เป็น / เขาพูดภาษาจีนไม่ได้
|
可以 ในกรณีปฏิเสธ คนจีนนิยมใช้ 不能
|
A: 这儿可以抽烟吗?
zhèr kěyǐ chōuyān ma?
ที่นี้สูบบุหรี่ได้รึเปล่า
ที่นี้สามารถสูบบุหรี่ได้รึเปล่า
B: 对不起,这儿不能抽烟。
duì bù qi , zhèr bù néng chōuyān.
ขอโทษ ที่นี้สูบบุหรี่ไม่ได้
ขอโทษ ที่นี้ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้
** สามารถพูดว่า : 对不起,这儿不可以抽烟。ได้ค่ะ
|
|
เครื่องหมาย o = เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
6. จะต้องอยู่ข้างหน้าคำบุพบทหรือคำกริยาวิเศษณ์เสมอ
|
|
|
|
ตัวอย่าง : 你能(会、可以)跟他说吗?
ตัวอย่าง : 能(会、可以) 一起去。
2) ความแตกต่างกันเชิงเปรียบเทียบความหมายของ 能、会 และ 可以
|
ทั้ง 3 คำนี้ สามารถที่จะแปลเป็นภาษาไทยด้วยความหมายเดียวกันได้ ดังนี้
ส่วนมากเวลาใช้จริงผู้เรียนจะสับสนว่าควรใช้ตัวไหน พี่จิ๋วจึงแนะนำให้พวกเราจำการแปล แบบตาราง ด้านล่างนี้ค่ะ
ตัวอย่าง เปรียบเทียบการแปล
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตารางเปรียบเทียบการอธิบายถึงความหมายโดยนัยยะของ 能、会、可以
|
เครื่องหมาย o
= เหมือนกัน,ทำได้
เครื่องหมาย x = ทำไม่ได้
|
|
|
|
|
1. มีทักษะหรือความสามารถอย่างใดอย่างหนึง
|
|
|
|
|
2. มีประสิทธิภาพในระดับใดระดับหนึ่ง ตัวอย่าง
|
|
这个手机能照相。
zhè gè shǒujī néng
zhàoxiàng.
มือถือเครื่องนี้สามารถถ่ายภาพได้
|
这个手机可以照相。
zhè gè shǒujī kěyǐ zhàoxiàng.
มือถือเครื่องนี้ถ่ายภาพได้
|
|
|
|
|
|
3. เก่งหรือถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีคำกริยาวิเศษณ์ แสดง ระดับความเข้มข้นอยู่ข้างหน้าเสมอ เช่น 很、非常、十分 เป็นต้น
|
|
会 = ..เก่งมาก
ถนัด(เรื่อง)..มาก
|
|
他很能吃。
tā hěn néngchī .
เขากินเก่งมาก
หมายเหตุ :อารมณ์ตะกละ กินได้ทีละมากๆ
|
他很会吃。
tā hěn huì chī .
เขาถนัดเรื่องกินมาก
หมายเหตุ : ถนัดเลือกกิน รู้ว่าอะไรเป็นของดีมีประโยชน์
|
|
非常能睡觉。
fēicháng néngshuìjiào.
นอนเก่งมาก
หมายเหตุ :นอนได้ทั้งวัน นอนได้ทีหลายชั่วโมง
|
她非常会打扮。
tā fēicháng huìdǎbàn.
เขา(แต่งหน้า)แต่งตัวเก่งมาก
เขาถนัด(แต่งหน้าแต่งตัว)มาก
|
|
อะไรที่จะพัฒนาการเป็นความถนัดได้ให้ใช้ 会
- คำว่า 打扮 ใช้กับบริบทที่รวมถึงการแต่งหน้า ทำผม เสื้อผ้า เป็นต้น แปลว่า "แต่งหน้าแต่งตัว"; "แต่ง(ตัว)" ตัวอย่างในคลิปพี่ฝากแก้ไขด้วยนะคะ
|
|
|
|
|
|
4. ใช้ประโยชน์ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง
|
|
图书馆里能上网。
túshūguǎn lǐ néngshàngwǎng.
ข้างในห้องสมุดสามารถ
เล่นอินเตอร์เนทได้
|
图书馆里可以上网。
túshūguǎn lǐ kěyǐshàngwǎng.
ข้างในห้องสมุดเล่นอินเตอร์เนทได้
|
หมายเหตุ : กรณีนี้ 能 และ 可以 ใช้แทนกันได้ค่ะ
|
|
|
|
|
|
5. คาดเดาในความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างที่ 1
|
|
他能去吗?
tā néng qù ma?
เขาสามารถไปได้รึเปล่า
|
他会去吗?
tā huì qù ma?
เขาจะไปรึเปล่า
|
ตัวอย่างที่ 2
|
|
你还能爱我吗?
nǐ hái néng ài wǒ ma?
เธอยังจะรักฉันได้รึเปล่า
|
你还会爱我吗?
nǐ hái huì ài wǒ ma?
เธอยังจะรักฉันรึเปล่า
|
您能不能再说一遍。
nín néng bù néng zài
shuō yí biàn?
คุณจะพูดอีกครั้ง(รอบ)ได้ไหม
|
没有钱,你还会爱我吗?
méiyǒu qián,
nǐ hái huì ài wǒ ma?
ไม่มีเงิน, เธอยังจะรักฉันรึเปล่า
|
ข้อสังเกต : ถึงแม้กรณีนี้ 能 และ 会 จะแปลว่า “จะ..” ได้เหมือนกัน แต่ ความหมายโดยนัยยะของ 能 จะมีอารมณ์ถึงความพยายามที่จะกระทำ หรือ ทำใจสิ่งๆ นั้น เรื่องราวนั้น ๆ มากกว่า 会
|
|
|
|
|
|
6. ปัจจัยภายนอกหรือสภาพแวดล้อมอำนวยหรืออนุญาต
|
|
学校里不能喝酒。
xuéxiào lǐ bù néng hē jiǔ.
ข้างในโรงเรียน
ไม่สามารถดื่มเหล้าได้
|
学校里不可以喝酒。
xuéxiào lǐ bù kěyǐ hē jiǔ.
ข้างในโรงเรียนดื่มเหล้าไม่ได้
|
|
|
|
|
|
7. เรียนรู้ทักษะความสามารถเป็นครั้งแรก นิยมใช้ 会แปลภาษาไทย ได้ว่า “.....เป็น”
|
他会开车。 tā huì kāi chē. เขาขับรถเป็น
|
|
我不会说英语。
wǒ bú huì shuō yīngyǔ.
ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น
|
|
|
|
|
|
8. สามารถทำในสิ่งที่ถูกร้องขอหรือสั่งให้ไปทำได้
|
你来我家吃饭,可以吗?
nǐ lái wǒ jiā chīfàn ,kěyǐ ma?
เธอมาบ้านฉันกินข้าว ได้ไหม
|
|
下课了,可以去吃饭了。
xiàkè le, kěyǐ qù chīfàn le.
เลิกเรียนแล้ว ไปกินข้าวได้แล้ว
|
|
|
|
|
想 ในไวยากรณ์ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งคำกริยานุเคราะห์ และคำกริยา
想:ทำหน้าที่เป็น
คำกริยานุเคราะห์
|
จะแสดงถึงความคาดหวัง ความคิดและความ ต้องการ แปลเป็นภาษาไทยว่า “อยากจะ”, “อยาก”
|
|
很多外国学生想来中国留学。
hěn duō wài guó xuéshēng xiǎng lái Zhōngguó liúxué.
นักศึกษาต่างชาติเยอะมากอยากจะมาประเทศจีนเรียนต่อ
|
|
你想不想学太极拳?
nǐ xiǎng bù xiǎng xué tàijíquán.
เธออยาก(จะ)เรียนรำไท้เก็กไหม
ประโยคนี้ห้ามพูดว่า : 你想学不学太极拳?
|
|
|
จะแสดงถึงการคิดพิจารณา คิดถึง แปลเป็นภาษาไทย
ได้ว่า “คิด” , “คิดถึง”
|
|
你们想想这个问题怎么回答?
nǐmen xiǎng xiǎng zhè gè wèntǐ zěnme huídá.
พวกเธอลองคิดดูคำถามนี้ตอบยังไง
|
|
我有点儿想家。
wǒ yǒu diǎnr xiǎng jiā.
ฉันคิดถึงบ้านนิดหน่อย
|
|
我想你。 wǒ xiǎng nǐ. ฉันคิดถึงเธอ
|
要 ในไวยากรณ์ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งคำกริยานุเคราะห์ และคำกริยา
要:ทำหน้าที่เป็น
คำกริยานุเคราะห์
|
แสดงถึงความต้องการ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “จะ” , “ต้อง”
กรณีที่ต้องการจะปฎิเสธการกระทำบางสิ่งบางอย่าง ให้ใช้ “不想” หรือ “不愿意bú yuànyì ไม่ยอม ” ห้ามใช้ “不要”
|
|
A: 今天下午你想不想去商店?
jīntiān xiàwǔ nǐ xiǎng bù xiǎng qù shāngdiàn?
วันนี้ตอนบ่ายเธออยากจะไปร้านค้าไหม
B: 我要学太极拳,不想去商店。
wǒ yào xué tài jí quán, bù xiǎng qù shāngdiàn.
ฉันจะเรียนไท้เก็ก, ไม่อยากไปร้านค้า
ห้ามพูดว่า : 我要学太极拳,不要去商店。
|
|
明天你要来我家啊。
míngtiān nǐ yào lái wǒ jiā a.
พรุ่งนี้เธอต้องมาบ้านฉันนะ
|
|
“不要” แปลภาษาไทยได้ว่า “อย่า” , “ไม่ต้อง”
“不要” มีความหมายเดียวกันกับ “别” แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “อย่า” สามารถใช้แทนกันได้
|
|
|
จะแสดงถึงการหวังว่าจะได้รับ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ต้องการ” , “เอา...”
|
|
A: 你要什么?
nǐ yào shénme?
เธอต้องการอะไร
B: 我要一斤苹果。
wǒ yào yì jīn píngguǒ.
ฉันต้องการ(เอา)แอปเปิ้ลครึ่งกิโล / ฉันเอาแอปเปิ้ลครึ่งกิโล
|
|
A: 你要点儿什么?
nǐ yào diǎnr shénme?
คุณต้องการสั่ง(อาหาร/เครื่องดื่ม)อะไร
B: 我要一杯咖啡。
wǒ yào yì bēi kāfēi.
ฉันต้องการกาแฟ 1 ถ้วย / ฉันเอากาแฟถ้วยหนึ่ง
|
(4) ความแตกต่างระหว่าง 要 และ 会
|
จากที่เราเรียนมา 要 และ 会 ต่างก็แปลเป็นภาษาไทยว่า “จะ...” ได้เหมือนกัน ในชีวิตประจำวันของคนจีน 2 คำนี้สามารถใช้แทนกันได้
หากเราจะวิเคราะห์ในเชิงความแตกต่าง สามารถวิเคราะหฺ์โดยนัยยะได้ ตามตัวอย่างนี้
|
|
|
|
|
|
|
|
ยังมีความไม่แน่นอนแฝงอยู่
|
二、询问原因 xúnwèn yuányīn สอบถามถึงสาเหตุ
|
怎么 ตามด้วยคำปฏิเสธ(不、没) จะแสดงถึงการสอบถามถึงสาเหตุ โดยแปลเป็น ภาษาไทยว่า “ทำไมไม่....” เช่น
|
A: 玛丽怎么没来?
Mǎlì zěnme méi lái?
แมรี่ทำไมไม่มา
B: 老师,她今天有点儿不舒服,要去医院,不能来上课。
lǎoshī, tā jīntiān yǒu diǎnr bù shūfu ,yào qù yī yuàn, bù
néng lái shàngkè.
อาจารย์ วันนี้เขาไม่ค่อยสบาย ต้องไปโรงพยาบาล
ไม่สามารถมาเข้าเรียนได้
|
|
A: 昨天你怎么没去学太极拳?
zuótiān nǐ zěnme méi qù xué tài jí quán?
เมื่อวานเธอทำไมไม่ไปเรียนไท้เก็ก
B: 昨天我有事。
zuótiān wǒ yǒu shì.
เมื่อวานฉันมีธุระ
|
|
A: 你怎么不喝啤酒?
nǐ zěnme bù hē pí jiǔ?
เธอทำไมไม่ดื่มเบียร์
B: 我不喜欢喝啤酒。
wǒ bù xǐhuān hē píjiǔ.
ฉันไม่ชอบดื่มเบียร์
|
(1) 语音 เสียง
1. 辨音辨调 biànyīn biàndiào ความต่างของเสียง
2. 多音节词 duō yīn jié cí ฝึกอ่านคำหลายพยางค์
3. 朗读 lǎng dú ฝึกอ่านอักษรจีน
|